“ชูวิทย์” โพสต์ร่ายยาวเป็นหางว่าว ถึง..การเมืองของพรรคอนาคตใหม่

  • อธิบายหยิบยกตัวอย่างการเล่นการเมืองในครั้งอดีต
  • เข้าใจหัวอกคนรุ่นใหม่ที่อยากเปลี่ยนระบบการเมืองไทยเผยเคยผ่านช่วงและวัยนั้นมาก่อน
  • ชี้สังคมไทยต้องการฮีโร่ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ฮีโร่มักจะเปลี่ยนด้วย

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า “การเมืองของพรรคอนาคตใหม่” มีวิธีการเล่นการเมืองไทยหลายแบบ ในอดีตบางคนอาจเห็นลีลาของคุณสมัคร ถือเป็นนักเลงการเมืองรุ่นลายคราม ที่เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่อายุ 40 ไต่เต้าไปจนถึงตำแหน่งสูงสุด “นายกรัฐมนตรี” คุณบรรหาร ฉายามังกรการเมือง ที่พริ้วเพื่อชาติ จนถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นกัน

จวบจนคุณทักษิณ ที่คะแนนถล่มทลาย ชนะขาด กลายเป็นพรรคใหม่ที่ได้เสียงเกินครึ่งสภา จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวแต่บทสุดท้าย ผิดถูกอย่างไร อยู่ที่แต่ละคนจะเชื่อ ที่แน่ๆ ไม่ได้กลับเมืองไทย

ผมไม่ได้ต่อต้านคุณธนาธร เช่นเดียวกับเวลาที่ผมพูดถึงคุณอภิสิทธิ์ ตอนอยู่พรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้แต่คุณสุเทพตอนอยู่ กปปส.

แต่ผมมองโลกจากที่ผ่านประสบการณ์การเมือง ไม่ได้ชื่นชมใครอย่างทุ่มเท เพียงเพราะอ้างอุดมการณ์ที่หอมหวลเรียกร้องต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้ประชาชน หรือเป็นฝ่ายค้านต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ

เพราะผมเห็นการเมืองมามากพอ และรู้จักคำพูดของนักการเมืองดี

หลายคนที่เคยชื่นชมคุณสุเทพ ตอน กปปสไล่เป่านกหวีด ปฏิรูปการเมืองไทย วันนี้อาจเปลี่ยนใจ บอกว่ามองผิดไปเช่นเดียวกับคุณทักษิณที่เคยเลือกเพราะอยาก “เปลี่ยนการเมืองไทย

แต่ที่ผ่านมา ประชาชนกลับเห็น “การเมืองเปลี่ยนคน” มากกว่า “คนเปลี่ยนการเมือง

เหมือนคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัย มีความใฝ่ฝันที่แจ่มจรัส อยากออกไปเปลี่ยนแปลงระบบ แต่ต่อมา ความฝันก็ถูกห้อมล้อมด้วยความจริง

คนรุ่นเก่าอย่างผมไม่ได้มองคนรุ่นใหม่หัวก้าวหน้าเป็นศัตรู เหยียดหยัน ไม่ให้โอกาสแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ผมกลับเข้าใจหัวใจในการต่อสู้ที่มุ่งมั่น ไม่ท้อถอย เป็นตัวของตัวเองสูง

ไม่ใช่สิ่งที่ผิดเลย เพราะผมเคยผ่านวันเวลา และวัยนั้นมาก่อน

แต่ในอดีตวงจรการเมืองไทยจะมีนักการเมืองใหม่ในสถานการณ์ใหม่เสนอตัวเปลี่ยนประเทศไทยเสมอ เราให้โอกาสนักการเมืองเหล่านั้นทุกครั้งเพราะธรรมชาติของคนชอบลองของใหม่ใครจะไปสนใจของใช้แล้ว

สังคมไทยต้องการฮีโร่ ทว่าเมื่อเวลาเปลี่ยนไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ฮีโร่ของเรา ก็มักจะเปลี่ยนไปด้วย

อย่างที่เขาบอกว่า “คนที่ไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ มักทำผิดพลาดซ้ำรอยเสมอ