ชาติไทยพัฒนาเด้งรับ “ไพบูลย์โมเดล”!

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

22 ตุลาคม 2564 ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ที่หลายพรรคเคลื่อนไหวจนถูกมองอาจใกล้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ว่า สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะหมดวาระลงในวันที่ 23 มีนาคม 66 นับจากนี้ไปเหลือเวลาเพียงปีกว่าเท่านั้น ดังนั้นการที่ผู้แทนราษฎรทั้งหลายลงพื้นที่ทำงานในแต่ละพื้นที่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก อีกทั้งขณะนี้หลายจังหวัดในประเทศไทยกำลังประสบปัญหาอุทกภัย โดยเฉพาะ จ.สุพรรณบุรี และจังหวัดในภาคกลางอีกหลายจังหวัด ทำให้ ส.ส.ของทุกพรรคการเมืองกำลังลงพื้นที่ทำงานช่วยเหลือประชาชนอย่างขะมักเขม้น ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะการช่วยประชาชนที่เดือดร้อน ส.ส.ที่ทุกคนเลือกมานั้นจะกลับไปแก้ไขปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนได้ไม่มากก็น้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ใช่การส่งสัญญาณเตรียมเลือกตั้งจากนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า คิดว่าส.ส.ทำการบ้าน การลงพื้นที่เข้าหาประชาชนอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นเรื่องปกติที่พึงกระทำ เหมือนเวลาสอบ แล้วเราท่องหนังสือกันอยู่เรื่อยๆ จะสอบเมื่อไรก็ไม่เคยกลัว เช่นเดียวกับการเป็นนักการเมือง เป็น ส.ส. ถ้าทำการบ้านและลงพื้นที่กันอยู่เรื่อยๆ จะยุบสภา จะเลือกตั้งกันปีหน้า เดือนหน้า หรือครบสมัย ก็ไม่ใช่ประเด็น

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีไพบูลย์โมเดล ที่พรรคการเมืองขนาดเล็กอาจเอาอย่าง นายวราวุธ กล่าวว่า การทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนามีแต่มิตร ไม่สร้างศัตรู และที่สำคัญที่สุดคือเราเน้นทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชน ไม่เน้นเล่นการเมือง รัฐมนตรีทั้ง 2 คนของพรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่ค่อยพูดเรื่องประเด็นทางการเมือง แต่ทำงานเพื่อประชาชนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นหากมีแนวทางการทำงานที่คล้ายกัน พรรคชาติไทยพัฒนาจะเป็นบ้านอีกหลังหนึ่งที่พร้อมจะต้อนรับคนที่ตั้งใจทำงาน เพื่อที่แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

ด้านนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีไพบูลย์โมเดล ที่พรรคการเมืองขนาดเล็กเอาอย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยุบพรรคตัวเองเพื่อไปเข้าพรรคใหญ่ ว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมาแล้วก็น่าจะทำได้ และเมื่อคณะกรรมการยุบพรรคนั้นๆจะทำตามก็เป็นธรรมดา ผู้ที่เป็นส.ส.ต้องหาพรรคเข้าสังกัด มิเช่นนั้นจะต้องขาดสมาชิกภาพ ตนเห็นด้วยถ้าพรรคที่อยู่คนเดียวมีความต้องการอยากจะไปอยู่กับพรรคอื่น หรือยุบพรรคเพื่อให้พรรคตัวเองใหญ่ขึ้น สามารถทำได้ ส่วนหนึ่งจะได้ไม่เป็นปัญหาการนับคะแนนในอนาคต เพราะจะได้คะแนนเป็นสัดเป็นส่วนไป ซึ่งแล้วแต่ว่าจะไปรวมกันอย่างไร จะได้ไม่เป็นอย่างในอดีตที่มีเสียงวิจารณ์เรื่องปัดเศษ ในเมื่อมีความชัดเจนขึ้นว่าการนับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์จะต้องนับแบบไหน เพราะชัดเจนอยู่แล้วว่ากาบัตร 2 ใบ

“หากมีเพื่อนพ้องส.ส.ต้องการย้ายเข้าพรรคชาติไทยพัฒนาก็ยินดีต้อนรับ เพื่อจะได้ช่วยกันทำงานกันต่อไป พรรคชาติไทยพัฒนาเป็นพรรคเก่าแก่ เป็นที่รู้จักของประชาชนอยู่แล้ว”