ชลประทาน เฝ้าระวัง วันที่ 20-30 ต.ค. ลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ท่าจีน น้ำเพิ่มสูงขึ้น

  • เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน
  • ทำให้เกิดน้ำไหลล้นทางระบายน้ำล้นเขื่อนทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี
  • ปรับแผนระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบความรุนแรงของอุทกภัย

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ประเมินวิเคราะห์ปริมาณฝนตก (ONE MAP) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ปริมาณน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากแม่น้ำปิง จะทำให้มีน้ำไหลผ่านบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ สูงสุดประมาณ 3,000 – 3,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในวันที่ 22 ตุลาคม 2564 

ทั้งนี้กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำและผันน้ำเข้าคลองต่าง ๆ ด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในเกณฑ์ 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ประมาณ 0.20 – 0.40 เมตร ในช่วงวันที่ 23 – 30 ตุลาคม 2564 

สำหรับแม่น้ำท่าจีน น้ำที่ไหลล้นข้ามทางระบายน้ำลัน เขื่อนกระเสียว จะไหลไปสมทบกับปริมาณน้ำท่าที่เกิดจากฝนตกด้านท้ายเขื่อน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงแม่น้ำท่าจีน 150 – 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ จะบริหารจัดการโดยผันน้ำเข้าทุ่งโพธิ์พระยา เพื่อลดปริมาณน้ำหลาก ปริมาณน้ำส่วนที่เหลือจะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำท่าจีน ตั้งแต่จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดสมุทรสาคร มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ประมาณ 0.30 – 0.50 เมตร ในช่วงวันที่ 20 – 27 ตุลาคม 2564 

ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อประชาชน ได้กำชับให้สำนักงานชลประทานที่ 3 , 10 – 13 และสำนักเครื่องจักรกล ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่จุดเสี่ยงและพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขัง พร้อมกับให้ประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทราบสถานการณ์ล่วงหน้า รวมทั้งตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ ความแข็งแรงและจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วม เพื่อป้องกันน้ำล้นข้ามแนวคันกั้นน้ำ และปรับแผนบริหารจัดการ การระบายน้ำของเขื่อนและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและเร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ ไว้รองรับน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน เพื่อลดผลกระทบความรุนแรงของอุทกภัยและให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด