ชลประทานสั่งเร่งลดน้ำไหลเข้าทุ่งผักไห่-เจ้าเจ็ดลดความเดือดร้อนของประชาชนลุ่มเจ้าพระยา

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมผู้อำนวยการโครงการชลประทาน ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างและลุ่มน้ำท่าจีนเป็นการด่วน เพื่อกำหนดแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งถูกน้ำท่วมเป็นเวลานาน โดยระบุว่า ขณะนี้ปิดประตูเรือผักไห่เพื่อลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลย้อนเข้าสู่คลองโผงเผง แล้วเข้าสู่ทุ่งผักไห่และทุ่งเจ้าเจ็ดแล้ว ล่าสุดสั่งการให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเจ้าเจ็ด-บางยี่หนและสำนักเครื่องจักรกลนำเครื่องสูบน้ำกึ่งถาวร 2 เครื่องไปติดตั้งเพิ่มเติมบริเวณสถานีสูบน้ำสิงหนาท 2 ตำบลบ้านม้า อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งมีเครื่องสูบน้ำถาวรติดตั้งอยู่แล้ว 8 เครื่อง เครื่องสูบน้ำกึ่งถาวร 4 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำด้วยเครื่องยนต์ (Hydroflow) อีก 1 เครื่อง เพื่อเสริมศักยภาพในการเร่งระบายน้ำออกจากทุ่งเจ้าเจ็ด ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่

ทั้งนี้หากติดตั้งเครื่องสูบน้ำเสร็จแล้ว จะสามารถสูบน้ำออกได้ประมาณ 3.80 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ปริมาณน้ำในทุ่งเจ้าเจ็ดลดลงเร็วยิ่งขึ้น จากนั้นติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มอีก 2 แห่ง ได้แก่ บริเวณประตูระบายน้ำปลายคลองไผ่พระ ตำบลบ้านเกาะ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่บริเวณประตูระบายน้ำดาบเงิน ตำบลตะค่า อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถสูบน้ำออกจากทุ่งเจ้าเจ็ดได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้ระดับน้ำในทุ่งเจ้าเจ็ดทรงตัวและมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ ทยอยปรับลดการระบายน้ำแบบขั้นบันไดจากเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในอัตราไม่เกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที เพราะเมื่อระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลดลงจะทำให้ระดับน้ำในคลองโผงเผงลดลงตามไปด้วย โดยวันนี้น้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 2,036 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ซึ่งอยู่ที่ 2,137 ลบ.ม./วินาที ดังนั้นในวันพรุ่งนี้จะลดลงต่ำกว่า 2,000 ลบ.ม./วินาทีซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำในจังหวัดชัยนาท อ่างทอง และสิงห์บุรีเริ่มต่ำกว่าตลิ่ง ซึ่งจะยังคงทยอยปรับลดอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างต่ำกว่าตลิ่งทั้งหมด แล้วเร่งสูบน้ำที่ท่วมขังในทุ่งต่างๆ ออกให้หมดโดยเร็วที่สุด

นายประพิศ กล่าวย้ำต่อว่า ตอนนี้ขอให้สำนักงานชลประทานทำความเข้าใจกับประชาชนทั้งอยู่นอกและในประตูระบายน้ำ ไม่ว่า จะลดหรือยกบานประตูเพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงแนวทางบริหารจัดการที่กรมชลประทานจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบ ซึ่งเชื่อว่า ประชาชนจะยอมรับและไม่ชุมนุมประท้วงอย่างที่ผ่านมาทั้งนี้

สำหรับที่มีน้ำล้นตลิ่งในจังหวัดสมุทรปราการและมีข้อสงสัยจากประชาชนว่า กรมชลประทานปล่อยน้ำจากทางตอนบนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ยืนยันว่า ไม่ได้ระบายน้ำเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด มีแต่จะปรับลดลง โดยที่สถานีวัดน้ำที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีน้ำไหลผ่าน 2,524 ลบ.ม./วินาทีซึ่งลดลงจากเมื่อวานนี้ โดยกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน ทำให้มีน้ำล้นตลิ่งต่อเมื่อน้ำไหลผ่านบางไทรเกินกว่า 3,500 ลบ.ม./วินาที จึงขอให้ประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมั่นใจว่า กรมชลประทานจะไม่ทำให้ได้รับผลกระทบแน่นอน