จีนอัดฉีดเงินอีก 7 หมื่นล้านหยวนกู้วิกฤติ “เอเวอร์แกรนด์”

  • ส่งผลอีดฉีดเงินเข้าระบบแล้วรวมกว่า 4.60 แสนล้านหยวน
  • หวังเพิ่มสภาพคล่องในระบบที่ตึงตัวให้มีมากขึ้น
  • สหรัฐฯ-ยุโรปประสานเสียงได้รับผลกระทบเล็กน้อย

บลูมเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบธนาคารอีก 7 หมื่นล้านหยวนในวันนี้ (24 ก.ย.) ส่งผลให้ยอดรวมการอัดฉีดเงินในช่วงเวลา 5 วันของสัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นเป็น 4.60 แสนล้านหยวน (7.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) หวังลดภาวะสภาพคล่องตึงตัว หลังบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก และเสี่ยงเบี้ยวหนี้

ผู้บริหารของเอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงใด ๆ ต่อบรรดาผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท แม้ขณะนี้เลยกำหนดการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้มา 2 งวดแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) เอเวอร์แกรนด์ มีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านเหรียญฯ สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินหยวนที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.68 รวมทั้งจ่ายดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านเหรียญฯสำหรับหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐณที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.65

นอกจากนี้ ยังมีดอกเบี้ยที่รอการชำระในวันที่ 29 ก.ย.อีก 47.5 ล้านเหรียญฯสำหรับหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.67

หากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ตามกำหนด บริษัทจะมีเวลาอีก 30 วันหลังวันครบกำหนดชำระเพื่อหาทางจ่ายหนี้ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะถูกประกาศว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้

ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินมากกว่า 300,000 ล้านเหรียญฯ หรือเท่ากับ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้กู้เงินจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

ด้านนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ส่งผลกระทบโดยตรงกับยุโรปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “เราจับตาสถานการณ์ของเอเวอร์แกรนด์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากตลาดการเงินทั่วโลกมีความเชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะส่งผลกระทบโดยตรงกับยุโรปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

พร้อมกับกล่าวว่า “สำหรับสถานการณ์ในขณะนี้ ดิฉันคิดว่า จีนน่าจะได้รับผลกระทบโดยตรงมากกว่า ส่วนจะมีผลกระทบต่อสหรัฐฯหรือไม่ ดิฉันพูดแทนไม่ได้ แต่สำหรับยุโรป โดยเฉพาะในยูโรโซน มั่นใจว่าผลกระทบโดยตรงจะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

อย่างไรก็ตาม การแสดงความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสหรัฐฯ แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินทั่วโลก