จับตา “กำลังซื้อโลก” อ่อนไหวส่งท้ายปี

เข้าสู่ปลายเดือน พ.ย. เดือนสุดท้ายก่อนเข้าสู่เทศกาล “ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” ซึ่งว่ากันว่าในช่วงนี้ จะเป็นช่วงของการเตรียมการเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลอง และจะเป็นช่วงที่ “คนทั่วโลกวางแผนท่องเที่ยว และจับจ่ายสูงที่สุด” ทั้งการวางแผนท่องเที่ยวในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และการเตรียมซื้อของฝากของขวัญ และจัดงานปาร์ตี้ในช่วงคริสต์มาส และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะผันผวน กลับตาลปัตรไปมาตั้งแต่ต้นปี โดยล่าสุดองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง ได้ออกมาแสดงความกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าว่าจะไม่สดใส โดยเฉพาะการขยายตัวของประเทศใหญ่ๆ อย่างจีน สหรัฐฯ อังกฤษ 

ส่งผลให้เกิดการวิเคราะห์วิจัยสำรวจ “กำลังซื้อของคนทั่วโลก” ว่าจะออกมาเป็นอย่างไรในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพื่อที่จะมองภาพเศรษฐกิจโลกไปข้างหน้า มองไปถึงกำลังซื้อในปีหน้า โดยการสำรวจพุ่งเป้าไปที่การจับจ่ายเพื่อซื้อสินค้าเพื่อเป็นโบนัสให้ตัวเองหลังจากทำงานหนักมาทั้งปี รวมทั้งการเลือกซื้อของขวัญของฝาก  และเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

และดัชนีชี้วัดการใช้จ่ายแรกที่ใช้วัดกัน ในช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้น ยอดขายจากการจัดมหกรรมลดราคาออนไลน์ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี “วันคนโสด”  11.11 เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งใน “เซอร์ไพร์ส” เพราะดูเหมือนว่า ยอดขายสินค้าออนไลน์ของ “อาลีบาบา” แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์สัญชาติจีน จะไม่สดใสเท่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา 

และที่ว่าเป็น “เซอร์ไพร์ส” ก็เพราะตามปกติยอดขายในเทศกาลวันที่ 11.11 ของอาลีบาบาจะถล่มทลาย จนทำให้มีการประกาศการทำลายสถิติของมูลค่าการซื้อขายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการเปิดซื้อขายในช่วงเที่ยงคืน แต่การซื้อขายปีนี้กลับไม่มีการประกาศยอดขายใดๆ ทั้งสิ้น โดยคาดกันว่าอาจจะไปประกาศยอดขายในการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3 

แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุด อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ได้ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 3  สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน2565 ออกมาแล้ว โดยระบุว่า ธุรกิจเติบโตขึ้น 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี แม้จะต้องเผชิญกับผลกระทบจากกำลังซื้อและการบริโภค ในช่วงหลังการฟื้นตัวของโควิด-19

นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า การสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นเป็นระยะและการใช้มาตรการคุมเข้มการเดินทาง และการใช้ชีวิตของทางการจีน ทำให้บรรยากาศของเศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะที่ซบเซา

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวออกมาต่อเนื่องว่า “จีนกำลังค่อย ๆ ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid Policy) แม้ว่าในขณะนี้จะมีการใช้นโยบายดังกล่าวเป็นระยะๆ  โดยคาดกันว่าจีนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางกลยุทธ์ครั้งใหญ่กลางปี 2566”  

โดยหากมีการยกเลิกมาตรการดังกล่าว ก็จะทำให้ผู้บริโภคภายในประเทศที่ถูกกดดันมาอย่างยาวนานเริ่มกลับมาใช้จ่าย  เพราะมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจจีนและทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาว

สอดคล้องกับ โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ ที่เปิดเผยรายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจจีน โดยระบุว่า หากจีน ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในช่วงเดือน เม.ย.ปีหน้าได้จริง  ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยจะเริ่มขยายตัวเพิ่มขึ้นชัดเจนในไตรมาสที่ 3 ปีหน้า ซึ่งจะช่วยหนุนให้การขยายตัวรวมทั้งปี 2566 แตะที่ 4.5%

ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ถือเป็นอีกตลาดที่น่ากังวล เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปีหน้าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากผลกระทบจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อบรรยากาศการใช้จ่าย และกำลังซื้อของชาวอเมริกัน

นอกจากนั้น ยังมีรายงานข่าวที่ระบุว่า สหรัฐฯ มีแนวคิดที่จะลดคำสั่งซื้อสินค้าทั่วโลกลงในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้าจากทั่วโลกลง  จากผลกระทบของกำลังซื้อในประเทศ

โดยล่าสุด การเปิดเผยผลประกอบการ บริษัทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรทรุดตัวลงในไตรมาส 3 เนื่องจากต้องปรับลดราคาสินค้าเพื่อระบายสต็อกจำนวนมากที่ยังคงอยู่ในคลังสินค้า นอกจากนี้ ทาร์เก็ต ยังคาดการณ์ว่ายอดขายในไตรมาส 4 อาจชะลอตัวลงต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ยอดซื้อในช่วงโปรโมชั่นในวัน Prime Day ของบริษัทแอมะซอน  ยังคงอยู่ในทิศทางที่ดี และมีส่วนให้ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค.ผ่านมาเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย นอกจากนั้น ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ ติดตามยอดขายในเทศกาลจับจ่าย Black Friday ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวอเมริกันออกมาซื้อสินค้าที่ห้างร้าน และแบรนด์สินค้าชั้นนำพากันจัดโปรโมชันลดราคาประจำปี   ล้างสต็อกสินค้า รวมทั้งซื้อของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยเทศกาล Black Friday ตรงกับวันศุกร์ที่ 4 ของเดือน พ.ย. หรือ เช้าวันรุ่งขึ้นของวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐอเมริกา 

นอกจากนั้น ยังติดตามยอดขายของเทศกาล Cyber Monday หรือไซเบอร์ มันเดย์ แพลตฟอร์มออนไลน์จะใช้วันนี้จัดมหกรรมสินค้าลดราคา โดยจัดขึ้นในวันจันทร์ต่อมา หลังจาก Black Friday ของทุกปี โดยหวังว่า ชาวอเมริกันจะออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นเพิ่มพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ส่วนภาพรวมกำลังซื้อของฝั่งยุโรป ที่ผ่านมาเศรษฐกิจยุโรปยังไม่เห็นความชัดเจนในการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หรือก้าวกระโดด ส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจในเอเชีย ยังเป็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หลายประเทศเกิดปัญหาจากอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง การมีหนี้ต่างประเทศสูง และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

ความอ่อนไหวของ “กำลังซื้อ” ทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความพยายามในการกด “อัตราเงินเฟ้อ” ที่อยู่ในระดับสูงทั่วโลกให้ลดลง เศรษฐกิจโลกเปราะบางมากขึ้น โอกาสที่เราจะเร่ง “การส่งออก” ในปีหน้าเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานไทยก็อาจจะยากลำบากมากขึ้นด้วย 

ขณะเดียวกันต้องลุ้นให้คนทั่วโลกยังอยากท่องเที่ยว อยากมาเมืองไทย ส่ง “กำลังซื้อ” ส่วนที่เหลือของโลกมายังประเทศไทย เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงสิ้นปีนี้ และตลอดปีหน้า