จับตา!!คอนโดมิเนียมแนว “รถไฟฟ้าสีน้ำเงิน” อนาคตสดใส

  • “ศุภาลัย” เผยคุมเข้มแอลทีวีทำตลาดอสังหาฯหดตัวเล็กน้อย 
  • คุมแต่คุ้มเพราะช่วยคัดกรองลูกค้าตัวจริง ตัดกลุ่มเก็งกำไรได้
  • มองตลาดอสังหาฯปีนี้โตติดลบ 5-8% 
  • เผยทำเลย่านฝั่งธนฯหอมฟุ้ง ผุด “ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย” เจาะตลาด

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2562 ว่า การเติบโตคงอยู่ในทิศทางติดลบ หรือประมาณ 5-8% เทียบกับช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกตลาดก็เติบโตไม่ค่อยดี โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2 ที่ลูกค้าชะลอการซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งจากปัจจัยการออกมาตรการกำกับดูแลสินเชื้อเพื่อที่อยู่อาศัย ในการลดวงเงินสินเชื่อเพิ่มเงินดาวน์ (Loan to Value) หรือ LTV ของทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อเดือน เม.ย. รวมถึงบรรยายกาศการเลือกตั้ง และทิศทางของเศรษฐกิจของประเทศ ก็มีส่วนทำให้ชะลอการซื้อ

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม

ทั้งนี้เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาฯ จะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งดูได้จากผู้ประกอบเริ่มทะยอยเปิดตัวโครงการออกสู่ตลาด อีกทั้งลูกค้าเริ่มเรียนรู้และเตรียมตัวรับมือกับมาตรการแอลทีวีได้ดีขึ้น ซึ่งมาตรการแอลทีวีที่ออกมา ก็เป็นผลดีในเรื่องช่วยลูกค้าซื้อเพื่อเก็งกำไรหายไป ซึ่งก็มีส่วนทำให้ตลาดเติบโตไม่หวือหวาเหมือนหลายปีที่ผ่านมา 

โดยหลังมาตรการนี้มีผลบังคับใช้ก็กระทบภาพรวมตลาด 8-10% โดยส่วนใหญ่จะกระทบกับโครงการแนวราบ (บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม บ้านแฝด) มากกว่าโครงการแนวสูง (คอนโดมิเนียม) เพราะระยะเวลาในการก่อสร้างของแนวราบต่อหลังใช้เวลาที่ไม่นาน ทำให้ระยะเวลาผ่อนจ่ายกับโครงการไม่นานก็ต้องไปทำเรื่องขอสินเชื่อ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไม่ผ่านเพราะลูกค้าต้องมีเงินก้อนสำรองไว้ ซึ่งหากเป็นคอนโดมิเนียมเฉลี่ยกว่าโครงการจะแล้วเสร็จกว่า 3-4 ปี ซึ่งลูกค้าจะมีระยะเวลาผ่อนจ่ายที่นานขึ้น อย่างของบริษัทหากคิดเป็นเงินดาวน์ก็เท่ากัลูกค้าจ่ายมาแล้ว 16-18% 

“รวมถึงทิศทางของการเมืองก็ถือว่าดีไม่มีเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น ก็เชื่อว่าอารมณ์ของการหาซื้อที่อยู่อาศัยจะเติบโตได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้”

นายไตรเตชะ กล่าวว่า ในสภาวะตลาดที่เป็นเช่นนี้ อาจมีผลกระทบมากกับผู้ประกอบการรายเล็กซึ่งต้องเตรียมแผนรับมือให้ดี สำหรับในส่วนของบริษัทมองว่าทั้งมาตรการแอลทีวี ตลาดชะลอตัว กลุ่มลูกค้าต่างชาติหายไป กลุ่มเก็งกำไรลดลง ไม่ได้เป็นปัญหากับบริษัท เพราะบริษัทพัฒนาโครงการโดยยึดหลักขายให้ผู้อยู่อาศัยซื้ออยู่เอง รวมถึงเล็งกลุ่มลูกค้าคนไทย ซึ่งสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาคือเลือกโครงการที่เหมาะสมในทำเลนั้น ที่สำคัญเป็นราคาที่กลุ่มเป้าหมายในทำเลนั้นต้องการและจับต้องได้

“ล่าสุดบริษัทได้เพิ่มในทำเลกรุงเทพฯตะวันตกย่านฝั่งธนบุรี กับการเปิดตัวโครงการใหม่ ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย บนพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 2,270 ล้านบาท จำนวน 726 ยูนิต บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 28/2 ติดสถานีรถไฟสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง – หลักสอง (เปิดให้บริการได้จริงในเดือน ก.ย.นี้) และช่วงเตาปูน – ท่าพระ (เปิดให้บริการได้จริงเดือน มี.ย. 2563) โดยตัวโครงการห่างสถานีแยกไฟฉายเพียง 330 เมตร ราคาเริ่มต้น 2.03 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ย 60,500 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ขนาดห้องตั้งแต่ 29.5 – 74.5 ตร.ม. คาดจะก่อสร้างแล้วเสร็จส่งมอบได้ในปี 2565”

ปัจจุบันทำเลแยกไฟฉายเป็นทำเลที่ี่มีศักยภาพมาก แต่จำนวนโครงการในทำเลนี้มีไม่มากยูนิตเหลือขายน้อยมาก เนื่องจากติดข้อจำกัดในเรื่องของผังเมืองที่อนุญาตให้พัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่จำกัด ทั้งนี้ราคาคอนโดมิเนียมที่เหมาะสมในย่านนี้ควรอยู่ระดับ 80,000 – 90,000 บาทต่อตร.ม. 

อย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย จะเป็นผู้คนในระแวกนั้นที่ต้องการขยายครอบครัว รวมถึงกลุ่มแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งโครงการก่อนหน้านี้ของบริษัทก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มนี้ นอกจากนี้หาเป็นการปล่อยเช่าทำเลนี้อยู่ที่ 10,000-18,000 บาทต่อเดือน ซึ่งก็จะเป็นกลุ่มคนที่มาเฝ้าไข้ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลศิริราช และกลุ่มนักศึกษาแพทย์ เป็นหลัก โดยจะเปิดจอง 20-21 ก.ค.นี้