ลมหนาวเริ่มโชยมาแล้ว ทำให้เกิดความรู้สึกอยากท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ เพื่อสูดอากาศดีๆ รับลมหนาว บรรยากาศโรแมนติก แต่หลายคนแพลนสถานที่ท่องเที่ยวไว้แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่า ควรจะใส่เสื้อผ้าอย่างไร และควรจะมีติดกระเป๋าไปเพื่อไม่ให้หนาวจนเที่ยวไม่ไหว หรือ เอาเสื้อผ้าที่หนาเกินไป จนใส่ไม่สบายตัว
วันนี้ เรามาแนะนำ ตัวอย่างการจัดเสื้อผ้าไปเที่ยว ตามอุณหภูมิ และสถานที่ท่องเที่ยวมาฝากกัน
20-25 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิใกล้เคียงกับห้องแอร์ เพราะฉะนั้น สามารถสวมใส่เสื้อผ้าที่เราใส่ประจำวันได้ แต่ควรจะมีแจ็กแก็ตบางๆ แจ็กเก็ตยีนส์ หรือคาร์ดิแกนที่ไม่หนามาก แขนยาว ไว้กันหนาวกันลม ใครที่ใส่รองเท้าผ้าใบแล้วไม่ชอบใส่ถุงเท้า เพิ่มถุงเท้าเสียหน่อยให้ความอบอุนกับเท้าของเรา ปัองกันไม่สบาย
15-20 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิขนาดนี้ จะประมาณฤดูหนาวในจังหวัดทางภาคเหนือของไทย หรือประเทศแถบตะวันตกในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ถือช่วงอุณหภูมิกำลังดีที่กำลังสบาย เดินยาวๆ ได้ไม่ร้อน ไม่เหนื่อย ไม่เหงื่อไหลไคล้ย้อย
หลังจากใส่เสื่อผ้าตามปดติของเราเช่น เสื้อยืด กางเกงยัีนส์แล้ว สาวๆ ที่อยากใส่กระโปรง หรือเดรสลำลอง มอาจจะนุ่งเลกกิ้งส์ (leggings) ไว้ด้านในเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่เรียวขา
อย่าลืมแจ็กแก็ตยีนส์ที่บุข้างใน หรือ คาร์ดิแกนผ้าหนาแขนยาวแบบอุ่นสบาย หรือเสื้อโค้ทแบบกันหนาวกันลม น่าจะให้ความอบอุ่นได้เพียงพอ แต่หากใครจะเพิ่มผ้าพันคอบางๆ สีสวยๆ ช่วยให้โดดเด่นเพิ่มขึ้นก็ได้ ส่วนรองเท้าก็อาจจะใส่เป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าบูทสั้นแบบครึ่งข้อก็ได้
1-15 องศาเซลเซียส
หากใครขึ้นดอกย อุณหภูมิประมาณ จะพบได้ตามยอดดอยต่างๆในฤดูหนาวของประเทศไทย หรืออุณหภูมิในช่วงเริ่มเข้าฤดูหนาวของประเทศแถบตะวันตก
ชุดกันหนาวที่เตรียมไปก็จะต้องมีความหนาที่เพิ่มขึ้น โดยเสื้อข้างในเสื้อปิดคอ แขนยาว เสื้อฮีทเทค หรือเสื้อสเวตเตอร์หนาๆที่มีเส้นใยผสมขนสัตว์ คลุมทับอีกชั้นด้วยแจ็กเก็ตขนเป็ด หรือเสื้อโค้ทอย่างหนาที่มีฮู้ดไว้เพื่อช่วยกันลมเย็นๆที่พัดเข้ามาปะทะกับผิวหน้าของเรา จะเพิ่มหมวก และผ้าพันคอไว้สำหรับให้ความอบอุ่นอีกอย่างหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี
และถ้ายังไม่หายหนาว ให้ใส่เสื้อบางๆไว้ข้างในอีกชั้น รวมทั้งใส่ถุงน่องอย่างหนา หรือใส่ลองจอห์นไว้ด้านในเสื้อและกางเกง แล้วทับด้วยกางเกงยีนส์ หรือกางเกงผ้าหนา ส่วนรองเท้าก็อาจจะใส่เป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าบูทสั้น หรือบูทยาวก็ได้ ตามแต่สะดวก
อุณหภูมิ 0-ติดลบ
สำหรับในประเทศไทย นานมากๆ และยากมากๆ ที่จะเจออุณหภูมินี้ จะต้องเป็นช่วงหน้าหนาวจัดบนยอดดดอยจริงๆ และคงเจอเพียงไม่กี่วัน แต่ประเทศในแถบใกล้ขั้วโลก เช่น รัสเซีย แคนาดา หรืออเมริกาตอนเหนือ อากาศแบบนี้จะเจอได้ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงฤดูหนาว
สำหรับคนที่ไม่เคยอยู่ในอากาศหนาวแบบนี้ ก็ ต้องเตรียมเสื้อผ้าไปให้พร้อมด้วย สำหรับเสื้อควรจะมีหลายๆชั้น โดยอาจจะใส่ลองจอห์น หรือเสื้อหนาๆสักตัวไว้ด้านใน ทับด้วยแจ็กเก็ตเสื้อขนอ่อน หรือเสื้อไหมพรมแบบผสมขนสัตว์สัก 40% ขึ้นไป ปิดท้ายด้วยเสื้อโค้ทขนเป็ดทับอีกสักชั้นก็จะช่วยกันลมหนาวได้ดีที่ ส่วนกางเกงแนะนำให้ใส่เป็นกางเกงยีนส์ผ้าหนาๆ หรือในกรณีที่ต้องเผชิญอยู่ท่ามกลางหิมะก็แนะนำให้ใส่กางเกงผ้าร่มที่บุด้วยขนอ่อนและกันเปียกได้
ถุงเท้าจะต้องหนาหรือมีส่วนผสมของขนสัตว์เพื่อเพิ่มความอบอุ่น ส่วนรองเท้าควรจะเป็นรองเท้าบูทสูงที่เหมาะสำหรับเดินบนหิมะได้ หมวกไหมพรม ผ้าพันคอหนาๆ ถุงมือกันเปียกกันลม หรือที่ปิดหูเพิ่มเข้ามา จำเป็นเช่นกัน เพราะจะช่วยกันหนาวอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ หากเป็นในต่างประเทศ สีเอิร์ทโทนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น สีดำ สีขาว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีเทา สีคราม สีม่วง สีแดงเข้ม จัดเป็นโทนสีที่นิยมกันในฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงฤดูหนาว และเข้ากับเสื้อผ้าอื่นๆได้ง่าย
แต่ถ้าเป็นโซนเอเซีย เสื้อกันหนาวแบบที่มีสีสันสดใส ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า หรือสีชมพู ฯลฯ เป็นสีที่มาแรง เพราะถ่ายรูปสวยแต่ทั้งนี้ทั้งนี้ ควรเลือกสีเสื้อให้เข้ากับสีผิวจะช่วยให้ดูดีมากที่สุด
อีกสิ่งที่สำคัญ ก็คือ คุณภาพของผ้าที่นำมาทำเป็นเสื้อกันหนาว ที่เราไม่แพ้ไม่คัน เพราะไม่เช่นนั้น ถ้าต้องใส่ทั้งวันอาจจะรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายตัว
นอกจากนั้น ไซส์ของเสื้อหนาวยังเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เสื้อกันหนาวที่ดีไม่ควรมีขนาดพอดีตัวมากเกินไป และก็ไม่ควรใหญ่เทอะทะเกินตัว แต่ควรหลวมกว่าขนาดตัวของเราเล็กน้อยประมาณหนึ่งเบอร์ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถใส่ได้สบายและเคลื่อนไหวตัวได้สะดวก …อ่านจบกันแล้ว…เริ่มเก็บประเป๋าได้เลย..
