ความเชื่อมั่น-เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน

  • หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งบิ๊กตู่หยุดปฏิบัติหน้าที่
  • แต่เชื่อไม่กระทบเศรษฐกิจโชคดีงบปี66ผ่านแล้ว
  • วอนศาลเร่งตัดสินหวั่นเกิดสุญญากาศการเมืองนาน

ภายหลังจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้องปมนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่ง 8 ปีไว้วินิจฉัย และเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.65 จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย คาดกระบวนการพิจารณาจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือนนั้น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้นายกฯจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ การพิจารณาต่างๆ ของรัฐบาล ก็ยังมีมติต่อไปได้ แต่ช่วงนี้คงมีการมองหลายแนวทาง ทั้งนายกฯรักษาการณ์ หรือ คนที่จะมาเป็นนายกฯแทน หรือการยุบสภา ตามที่หลายฝ่ายได้วิเคราะห์

“กรณีนี้จะกระทบต่อความเชื่อมั่น และเสถียรภาพของรัฐบาลบ้าง แต่หลายๆ เรื่องที่กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งเรื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจ การเป็นเจ้าภาพ APEC (กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก) ก็สามารถจัดได้ต่อไปสำหรับภาคเอกชน คงเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป แต่อาจจะมีบางส่วนที่ wait & see เช่น การลงทุน เพื่อรอความชัดเจน สิ่งสำคัญตอนนี้คือ การเร่งสร้างความเชื่อมั่น และความเข้มแข็งของเศรษฐกิจ”

 สรท.วอนเร่งตัดสินหวั่นสุญญากาศการเมือง

ด้านนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ระยะสั้นไม่น่าจะกระทบต่อภาพรวมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย  โดยเฉพาะในภาคการส่งออก เพราะมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าอยู่แล้ว  และยังโชคดีที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 66  ผ่านความเห็นชอบของสภาแล้ว ทำให้งานประจำสามารถเดินไปต่อไปได้ แต่กังวลในนโยบาย มาตรการเยียวยาด้านเศรษฐกิจอาจหยุดชะงักได้ในอนาคต รวมทั้งการเจรจาการค้า การขยายตลาด อาจได้รับผลกระทบบ้าง เพราะจะต้องได้รับการตัดสินใจจากรัฐบาล 

“สรท.หวังว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา และสรุปได้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองนานเกินไป  ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญของประเทศ ที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างประเทศ รวมถึงภาคการลงทุน จึงอยากให้มีข้อสรุปเรื่องนี้โดยเร็ว เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้”

 .หอการค้าไทยเผยไม่กระทบระยะสั้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจกล่าวว่า เป็นการดำเนินการตามครรลองกรอบกฎหมาย จึงเชื่อว่าไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจระยะสั้นเพราะรัฐบาลยังคงอยู่ ครม.ยังประชุมและบริหารประเทศได้ ขณะที่งบประมาณปี 66 ผ่านการพิจารณาแล้ว อีกทั้งภาคเศรษฐกิจหลักที่ขับเคลื่อนประเทศ ทั้งภาคส่งออก การท่องเที่ยว หรือภาคการผลิต ยังเดินหน้าได้เป็นปกติ ที่สำคัญจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศของการชุมนุมทางการเมืองไปได้  

“มองว่าเศรษฐกิจระยะสั้นคงไม่มีผลกระทบจากเรื่องนี้ ยกเว้นตลาดเงินตลาดทุน อาจชะลอมองดูความชัดเจนบ้าง แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่าเศรษฐกิจในประเทศ ยังมีโอกาสเติบโตได้ตามกรอบ 3-3.5% และการส่งออกไทยจะโตได้ 6-8%  แต่อาจมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนในระยะยาวได้อยู่ เพื่อรอดูว่าหลังจากนี้ศาลจะพิจารณานายกฯ ให้ดำรงตำแหน่งได้หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามกันต่อ”