คลัง เล็งสร้าง “ซีเนียคอมเพล็กซ์” ดูแลผู้สูงวัยทั่วประเทศ

  • เปิดจอง“ที่พักอาศัยผู้สูงอายุรามา-ธนารักษ์” เดือน พ.ย.นี้
  • ค่าเช่า 30 ปี ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท
  • ธอส.ปล่อยกู้ดอกเบี้ย 3 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 3.12%

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ “ที่พักผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์” เนื้อที่ 20 ไร่ บริเวณ อ.บางปลา จ.สมุทรปราการ  2.โครงการ “บ้านสวัสดิการกรมธนารักษ์” พื้นที่ 31 ไร่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 3.โครงการ “บูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ” และ 4.โครงการ “บ้านสวัสดิการกรมธนารักษ์” พื้นที่ 42 ไร่ บริเวณ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รวมมูลค่าลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท  

“นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เร่งสำรวจที่ดินราชพัสดุที่มีศักยภาพ จากทั้งหมดที่มีกว่า 12.5 ล้านไร่ทั่วประเทศ เพื่อนำไปจัดสร้างโครงการ “ซีเนียร์ คอมเพล็กซ์” และโครงการ “บ้านสวัสดิการกรมธนารักษ์” ให้กับข้าราชการพลเรือนทั่วไป เบื้องต้นจะดำเนินการก่อสร้างในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ก่อน อาทิ  เชียงใหม่ เชียงราย สงขลา เป็นต้น ก่อนกระจายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ” 

สำหรับโครงการ “ที่พักผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์” ที่กรมธนารักษ์ได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นั้นเป็นอาคารสูง 8 ชั้น รวม 921 ยูนิต จะปล่อยให้เช่าซื้อในราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท เพื่อให้สิทธิผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าพักอาศัย  เริ่มเปิดให้จองภายในเดือนพ.ย.นี้  คาดว่าการก่อสร้างโครงการจะใช้เวลา 2 ปี หรือเริ่มก่อสร้างต้นปี 64  

นายยุทธนา หยิมการุณ​ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า นอกจากโครงการบ้านพักผู้สูงอายุดังกล่าวแล้ว กรมฯ ยังมีโครงการที่เป็นโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการและลูกจ้างภาครัฐ คือ บ้านสวัสดิการกรมธนารักษ์บนที่ราชพัสดุ  จำนวน 84 หลัง ราคา 1.3 -1.9 ล้านบาท และโครงการบูรณาสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงาน และศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(สำนักงานก.พ.)  ใน 4 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ขอนแก่น นคราราชสีมา และสุราษฏร์ธานี   

“ผู้เช่าซื้อจะต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยสามารถขอสินเชื่อจากธนาคารที่เข้าร่วมได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ในอัตราดอกเบี้ยต่ำได้”   

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) กล่าวว่า ธอส.จะปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนรายย่อยที่เช่าซื้อที่อยู่อาศัยทั้ง 3 โครงการดังกล่าว วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการที่กรมธนารักษ์คัดเลือกมาก่อสร้างโครงการ 1,000 ล้านบาท วงเงินรวมทั้งสิ้น  3,000 ล้านบาท  

สำหรับสินเชื่อที่ปล่อยให้กับประชาชนในปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 2.85% ปีที่ 2 คิดอัตราดอกเบี้ย 3%  และปีที่ 3 คิดอัตราดอกเบี้ย 3.50% เฉลี่ย 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย 3.12% ส่งผลให้ในช่วง 1-3 ปีแรก มีภาระผ่อนชำระต่อเดือน 4,400 บาท ปีที่ 4-5 ผ่อนชำระเดือนละ 5,500 บาท และปีที่ 6 เป็นต้นไป ผ่อนชำระเดือนละ6,100 บาท โดยมีระยะเวลาการผ่อนชำระ 30 ปี ส่วนสินเชื่อที่ปล่อยให้กับผู้ประกอบการใน 1 ปีแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 4% ปีที่ 2 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MLR-1 หรือเท่ากับ 4.75% โดยมีระยะเวลาการผ่อนชำระ 5 ปี