“คลัง” สั่งเคลียร์ปมเริ่งคืนภาษีมูลค่าเพิ่มผู้ส่งออก ช่วยเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจโต 3-4%

.คาดครึ่งปีหลังเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าเดิม เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป 

.จับมือธปท.ดูแลค่าเงินบาทให้เสถียร 

.คาดยูเครนรบรัสเซียไม่ยืดเยื้อ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ  รมว.คลัง เปิดเผยว่า  ขณะนี้กระทรวงการคลัง ได้ปรับลดกรอบผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 2565 เหลือ 3-4% จากเดิม  3.5-4.5 % โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 4% ทั้งนี้เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบหลายปัจจัยทั้งจากปัจจัยภายในประเทศราคาสินค้าขยับขึ้นราคา การแพร่ระบาดไวรัสโควิด และปัจจัยภายนอกประเทศราคาน้ำมันตลาดโลกขึ้นราคา การสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซีย 

อย่างไรก็ตามถือว่าตัวเลขจีดีพีปีนี้ ยังคงมีอัตราเติบโตกว่าปี่ที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป  เมื่อรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด  ก็จะทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่คนไทย ก็มีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ก่อให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น

นายอาคม กล่าวต่อว่า ในปี65 การส่งออก ยังจะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้  โดยกรมศุลกากร  ได้รายงานว่า เมื่อ เดือนมี.ค. 2565 การส่งออกและนำเข้ายังเติบโตอยู่ คาดว่าเมื่อสรุปตัวเลขไตรมาส 1 จะเติบโต12-15 %  ทั้งนี้จากที่สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ได้คาดการณ์ส่งออกไทยปีนี้เติบโต  5 %  แต่กระทรวงการคลัง ต้องการให้การส่งออกเติบโต 10% จึงได้แจ้งไปยังผู้ส่งออก และสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯให้รับทราบว่า หากติดขัดในขั้นตอนใดให้รีบประสานงาน เพื่อจะได้เร่งแก้ไขให้ เช่น การเร่งคืนภาษีให้ผู้ประกอบการ เป็นต้น เพื่อเติมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออก  

ขณะเดียวกัน จะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท แม้ปีนี้ค่าเงินบาทอ่อนจะอ่อนค่ากว่าปีที่ผ่านมา ณ วันนี้ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่  33.58 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ  ซึ่งเป็นผลดีต่อภาคการส่งออก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต และการนำเข้าน้ำมัน   ดังนั้น ธปท. และกระทรวงการคลัง ก็ต้องช่วยกันดูแลเพื่อให้ค่าเงินบาทเสถียร และไม่ให้ผันผวนมากเกินไป เพราะจะมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจในการบริหารความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยนได้ 

นายอาคม กล่าวต่อว่า สำหรับการสู้รบของยูเครนและรัสเซีย คาดว่าจะเริ่มคลี่คลายได้เร็วๆนี้ รวมถึงกรณีสหรัฐอเมริกา นำน้มันสำรองออกมใช้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลง โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ซึ่งเป็นราคาที่ประเทศอ้างอิงลดลง จะต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนราคาปุ๋ยเคมีและวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะนี้ต้องรอกระทรวงพาณิชย์สรุปแนวทางการช่วยเหลือมายังกระทรวงการคลัง เพื่อจะได้นำเสนอแนวทางการช่วยเหลือต่อไป โดยเฉพาะมาตรการด้านภาษี อย่างไรก็ตามมีหลายหน่วยงานที่ได้เข้าไปช่วยเข้าไปช่วยเหลือและดูแลแล้ว ด้วยการแนะนำให้เกษตกร ใช้ปุ๋ยสั่งตัด ซึ่งจะเป็นการปรับใช้ปุ๋ยตามสภาพดิน ของเกษตรกร ซึ่งจะสามารถช่วยลดต้นทุนให้เกษตรได้อีกทางหนึ่งด้วย