คลังรอ “อุตตม” เคาะรัฐสวัสดิการช่วยคนยากจน

  • นโยบายรัฐสวัสดิการถึงมือ “อุตตม” แล้ว
  • คาดผู้ถือ “บัตรคนจน” 14.5 ล้านใบได้สิทธิ์ก่อน
  • ส่วน “มารดาประชารัฐ” รออีกนิดเพราะงบมีจำกัด

ผู้สื่ิอข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ว่า ขณะนี้สศค. ได้เสนอแนวทางการดำเนินงานนโยบายรัฐสวัสดิการ ตามที่พรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา ให้นายอุตตม สาวนายน รมว.กระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว ได้แก่ นโยบายมารดาประชารัฐ  การเพิ่มสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน เป็นต้น  เมื่อนายอุตตม พิจารณาแล้ว ก็ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนต่อไป 

ทั้งนี้การดำเนินงานนโยบายรัฐสวัสดิการนั้น มีแนวโน้มว่า นายอุตตม จะเลือกกลุ่มคนที่มีความยากลำบากและควรได้รับความช่วยเหลือเป็นอันดับแรก  คือ การเพ่ิมสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐให้กับผู้ถือบัตร 14.5 ล้านคน เนื่องจากงบประมาณของกระทรวงการคลัง มีจำนวนจำกัด ส่วนนโยบายมารดาประชารัฐนั้น ต้องพิจารณาเป็นลำดับต่อไป 

สำหรับงบประมาณที่ใช้จ่ายสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย และคาดว่าในเดือนก.ย.นี้ จะสิ้นสุดระยะเวลาโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  จะเหลือเงินในกองทุนราว 10,000 ล้านบาท  แต่อย่างไรก็ตามสศค.จะต่ออายุมาตรการต่างๆ เพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการออกไปอีก เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากเศรษฐกิจที่มีต่อกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย

ขณะที่มาตรการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม ภายใต้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ที่มีการอนุมัติสิทธิ์เพิ่มเติมเมื่อปลายปี 2561 คือ 1. การช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ผู้ถือบัตรไม่เกินคนละ 230 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือนธ.ค.2561-ก.ย. 2562 และค่าน้ำประปา ไม่เกินคนละ 100 บาท  

2.การใส่เงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่าย  คนละ 500 บาท เป็นการให้ครั้งเดียวเมื่อเดือนธ.ค.2561 และ3.ให้เงินแก่ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป คนละ 1,000 บาท ให้ครั้งเดียวเมื่อเดือนธ.ค.2561 และสำหรับคนอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือนธ.ค.2561-ก.ย. 2562

นอกจากนี้เมื่อเดือนเม.ย.2562 ที่ผ่านมา รัฐบาลยังได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน 4 กลุ่ม คือ คนจน คนพิการ เกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมเป็นภาระงบประมาณราว 13,210 ล้านบาท ได้แก่ 1.การให้เงินพ่อแม่ที่มีลูก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์การศึกษา เสื้อผ้านักเรียน คนละ 500 บาทต่อลูกหนึ่งคน ซึ่งมีคนได้รับสิทธิ์ 2.7 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1,350 ล้านบาท เป็นการจ่ายครั้งเดียว

2.การช่วยเหลือคนพิการ ที่ขึ้นทะเบียนและถือบัตรสัวสดิการแห่งรัฐ คนละ 200 บาท เป็นการจ่ายเพิ่มเติมจากที่เคยได้อยู่ในปัจจุบัน  โดยมีคนพิการได้รับสิทธิ์ 1.16 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1,160 ล้านบาท  เร่ิมจ่ายเงินให้ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ย.2562 3.การช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อซื้อปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และปัจจัยการผลิต คนละ 1,000 บาท มีเกษตรกรได้สิทธิ์ 4.1 ล้านคน ใช้งบประมาณ 4,100 ล้านบาท เป็นการจ่ายครั้งเดียว

และ 4.กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะให้เงินเพิ่มในบัตรเป็น 500 บาทต่อเดือนทุกคน จากเดิมที่ให้คนละ 200 -300 บาทต่อคน เพื่อนำไปซื้อของผ่านร้านธงฟ้าประชารัฐ ตั้งแต่เดือนพ.ค.-มิ.ย.2562  ใช้งบประมาณ 6,600 ล้านบาท

ส่วนโครงการมารดาประชารัฐนั้น ที่พรรคพลังประชารัฐ ได้หาเสียงไว้ ว่า  เป็นการให้สวัสดิการแก่มารดาตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงลูกอายุ 6 ขวบ โดยระหว่างตั้งครรภ์ รัฐจะให้เงินแก่แม่ที่ตั้งครรภ์ 3,000 บาทต่อเดือน จนคลอดรวมสูงสุด 27,000 บาท โดยจะให้ค่าคลอด 10,000 บาท ค่าดูแลเด็กจนถึง 6 ขวบ เดือนละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 144,000 บาท เมื่อรวมเงินที่ให้กับแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึง 6 ขวบแล้ว จะได้รับเงินคนละ 181,000 บาทต่อคน