คลังปรับจีดีพีปี 63 ติดลบน้อยลงอยู่ที่ 7.7% หลังรัฐอัดมาตรการกระตุ้นบริโภค-เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว

  • เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญมีการฟื้นตัว
  • พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มหากจำเป็น
  • คาดปี 64 เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวที่ 4.5 %

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 และ 2564 ว่า คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ปี 2563 จะหดตัวที่ 7.7 % น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ณ เดือนก.ค. 2563 ที่ 8.5 % ซึ่งสอดคล้องกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวติดลบ 7.8% ลดลงจากมิ.ย.ที่คาดการณ์ขยายตัวติดลบ 8.1%

ทั้งนี้สาเหตุหลักที่ทำให้เศรษฐกิจไทยติดลบน้อยลง มีปัจจัยหลัก 3 เรื่อง ได้แก่ 1. การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และการเริ่มเปิดประเทศ ซึ่งทำให้ปีนี้มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 6.7 ล้านคน มีรายได้ประมาณ 300,000 ล้านบาท 2.เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญมีการฟื้นตัวที่ชัดเจน นำโดยกลุ่มประเทศในเอเชีย เช่น จีน เวียดนาม เป็นต้น ส่งผลให้ภาคการส่งออกสินค้าของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

และ3.การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน ภาคเอกชนและต่างประเทศ โดยคาดว่าในปี 2563 การบริโภคภาคเอกชนจะหดตัวที่ 3.0% จากเดิมคาดว่าจะหดตัว 3.5% และการลงทุนภาคเอกชน 9.8% จากเดิมคาดว่าจะหดตัว 10.3% ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าจะหดตัวที่ 7.8% ปรับตัวดีขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 11.0 % ส่งผลทำให้บริโภคภาครัฐและการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 4.0% และ 10.5% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ภาครัฐยังได้ดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบด้วย โครงการ “เพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” จำนวน 3 เดือน คนละ 500บาท โครงการ “คนละครึ่ง” และมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ซึ่งทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจฐานราก และส่งผลดีต่อจีดีพี 0.54%  รวมทั้งยังมีเงินจากการเบิกจ่ายจากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) เงินกู้  1 ล้านล้านบาท โดยในปี 2563 อนุมัติเบิกจ่ายแล้ว 385,000 ล้านบาท

“คาดการณ์เศรษฐกิจที่ออกมาครั้งนี้ ไม่รวมปัจจัยทางการเมืองเข้าไปด้วย เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังเดินหน้าตามปกติ นอกจากนี้ยังมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีที่รัฐออกมา เพียงพอสำหรับการประคับประคองเศรษฐกิจปลายปีให้ผ่านพ้นไปได้ ส่วนกรณีที่หลายประเทศโควิด-19 กลับมาระบาดรอบสอง กระทรวงการคลังก็ไม่ได้ประมาท และพร้อมที่จะออกมาตรการสนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน”

ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยคาดว่าอยู่ในระดับที่มั่นคง โดยเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอยู่ที่ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 2.8% ของจีดีพี

สำหรับในปี 2564 สศค.คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ที่ 4.5%หลังมูลค่าการส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวที่ 6.0% ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญที่มีแนวโน้มขยายตัว การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวที่ 2.6% และการใช้จ่ายภาครัฐทั้งจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 3.3 ล้านล้านบาท รวมทั้งการเบิกจ่ายจาก พ.ร.ก. เงินกู้  1 ล้านล้านบาท โดยในปี 2564 อนุมัติงบเบิกจ่ายที่ 318,000 ล้านบาท

“ในปีหน้าคาดว่าการท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 และ 4 หลังจากเริ่มมีวัคซีนต้านโควิด-18 ออกมา ซึ่งจะทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาเที่ยวไทยมากขึ้นเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านคน จากปี 2563 จำนวน 6.7 ล้านคน มีรายได้เข้าประเทศราว 400,000 ล้านบาท ”