“ครูแก้ว” ย้ำสิทธิ์ครอบครองที่ดินรกร้าง200ไร่ จ.นครพนม ชอบด้วย กม. ยันได้มาตั้งแต่ปี 31-32

  • ลั่นไม่เกี่ยวตำแหน่งทางการเมือง
  • สงสัยถูกเล่นงานช่วงใกล้เลือกตั้ง
  • หวังเคลียร์ตัวเอง ยืนยันความบริสุทธิ์ ขอ กก.จริยธรรมเร่งตรวจสอบก่อนสิ้นสุดสภาฯ

เวลา11.00น.วันที่ 4 ธค. 65 ที่ศูนย์ประสานพรรคภูมิใจไทย จังหวัดนครพนม นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 และ สส. นครพนม พรรคภูมิใจไทย แถลงกรณีมีข่าวว่าคณะกรรมาธิการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรเตรียมเสนอวาระเข้าสภาเพื่อพิจารณาเอาผิด หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่านายศุภชัย ครอบครองที่ดินป่าดงพะทาย ที่บริเวณ ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

นายศุภชัย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าที่มีการร้องไปที่กรรมาธิการจริยธรรม ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนได้เข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการจริยะธรรมฯไปแล้ว ว่าตนได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2531 ถึง 2532 ทำการเกษตร จำนวนประมาณ 200ไร่

ซึ่งขณะนั้นตนยังเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนบ้านท่าหนามแก้ว ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และตนมาเป็นส.ส. เมื่อ ปี 2544 นั่นย่อมแสดงว่าตนไม่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ ความเป็น ส.ส. เพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินเหล่านั้นแต่อย่างใด และ ขอร้องให้นายชวน หลีกภัยประธานสภาฯ เร่งให้กมธ.จริยธรรมเร่งให้ตรวจสอบ ให้สิ้นสุดกระแสความในสภาฯชุดนี้ แม้จะมีคนบอกว่าให้อยู่เฉยๆเพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะสิ้นสุดสภาและเรื่องที่กมธ.จริยธรรมจะสิ้นสุดไป ซึ่งสุดท้ายหากผลการตรวจสอบออกมาเป็นอย่างไร ตนก็พร้อมน้อมรับ

นายศุภชัย กล่าวว่า ข้อเท็จจริง เมื่อปี 2518 ถึง 2519 รัฐบาลได้ทำการจัดสรรที่ดินป่าดงพะทายให้ชาวบ้านทำกินโดยแบ่งเป็นล็อค ๆ ละ 10 ไร่เพื่อทำการเกษตร และยังให้เป็นที่อยู่อาศัยอีกคนละ 1 ไร่ โดยมีคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติเป็นผู้ดำเนินการ หลังจากที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติจัดเสร็จแล้ว ก็ปิดโครงการ และมอบที่ดินให้อยู่ในความรับผิดชอบของ ผู้ว่าราขการจังหวัดนครพนม โดยสำนักงานที่ดิน จ.นครพนมสาขาท่าอุเทน เป็นผู้รับผิดชอบ

ต่อมาชาวบ้านที่ได้รับจัดสรรได้รับใบจองที่ทางการออกให้แล้ว ไม่เข้าไปทำประโยชน์ เนื่องจากเป็นคนต่างถิ่นเห็นว่าเป็นที่ทุรกันดาร จึงมอบสิทธิ์ ด้วยวิธีต่างไป หลังจากจับฉลากได้ใบจองมาแล้ว ชาวบ้านในพื้นที่จึงเข้าครอบครองสิทธิ์ไว้ เป็นเหตุให้ต่อมาปรากฏชื่อ ผู้ครอบครองทำกินในที่ดินบริเวณนั้นส่วนใหญ่ คือ คนในพื้นที่ ที่ไม่มีชื่อในใบจองและ ต่อมามีการ เปลี่ยนมือกันมาเรื่อย ๆ ด้วยอาศัยการใช้สัญญาจะซื้อจะขาย เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สละสิทธิ์ไปแล้ว เปลี่ยนใจจนเกิดปัญหา ภายหลัง และต่อมาก็ทำกินในที่ดินโดยไม่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใด ๆเนื่องจากไม่สามารถขอออกเอกสารสิทธิ์ได้เพราะที่ที่ครอบครองอยู่เอกสารใบจองเป็นชื่อของคนนอกพื้นที่ ก็เลยยืดเยื้อเป็นปัญหาเรื่อยมา

ต่อมาอธิบดีกรมที่ดินโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมผู้รับมอบอำนาจ ได้วางนโยบายให้สำนักงานที่ดินฯ ได้มีการสำรวจ ถ้าใครได้ใบจองแล้วทำผิดเงื่อนไข ไม่เข้าทำประโยชน์ หรือซื้อขายเปลี่ยนมือไปทำให้ผิดเงื่อนไข เนื่องจากใบจองจริง ๆ ซื้อขายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องจำหน่ายใบจองที่ผู้มีชื่อในใบจองแต่ไม่เข้าทำประโยชน์ ออกไปก่อน เพื่อที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จึงได้ทยอยประกาศจำหน่ายใบจองในพื้นที่ป่าดงพะทาย จำนวน ทั้งหมดประมาณ 20,000 ไร่โดยมีผู้ที่ครอบครองที่ดินและทำกินอยู่ไม่ตรงชื่อตามใบจอง รวมทั้งสิ้นถึง 880แปลง จากนั้นคนที่ครอบครองอยู่จึงจะสามารถไปดำเนินการขอออกเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายที่ดินต่อไป

“การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ลงนามเพิกถอนใบจองในครั้งนี้นั้น เป็นการจำหน่ายใบจองของประชาชนที่มีชื่อครอบครองที่ดินแต่ไม่ได้เข้าทำประโยชน์ เพื่อให้ผู้ที่ครอบครองทำกินจริง ๆ สามารถใช้ช่องทางตามกฎหมายที่ดินขอออกเอกสารสิทธิ์ได้ต่อไปนั่นเอง จึงไม่ใช่การประกาศยึดที่ของใครคนใดคนหนึ่งตามที่เป็นข่าว ซึ่งที่ของผมก็ไม่มีใครยึดได้ เพราะตนครอบครองมา 30 กว่าปีแล้ว การที่สื่อบางสำนัก ลงข่าวพาดหัวดังกล่าว น่าจะเป็นเจตนาที่ไม่เข้าใจ เรื่องราวที่แท้จริง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของนักการเมือง เรื่องของประธานสภา ถ้าไปเล่นข่าวเรื่องนี้ก็โด่งดังไปขายข่าวได้ ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ควรเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมาและแสวงหาข้อเท็จจริงให้มากกว่านี้ และพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่พื้นที่ป่า เป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้น เพราะเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า”

นักข่าวถามเพิ่มเติมว่า คิดว่า เป็นเกมการเมืองหรือไม่ เพราะมีการดำเนินการตรวจสอบ ในช่วงที่พรรคภูมิใจไทยลงมาเปิดตัวผู้สมัคร จ.นครพนม และจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า นายศุภชัย กล่าวว่า “ก็คิดได้ เพราะทุกปี เวลาใกล้เลือกตั้ง ก็จะมีการเอาเรื่องนี้กลับมาเล่น จึงอยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เมื่อผลออกมา จะได้เลิกโจมตีกันได้แล้ว”

นายศุภชัยกล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2565 นายบุญนาก ถิระสวัสดี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมได้มีหนังสือรายงานข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อ
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กรณีได้รับแจ้งจากคณะอนุกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ว่าพล.ต.อ. เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวทย์ ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งเรื่องขอให้สำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนมตรวจสอบการครอบครองที่ดินบริเวณป่าดงพะทาย ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ของนายศุภชัย โพธิ์สุ ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร

ซึ่งรายงานดังกล่าวระบุว่าในปี 2518 ถึง 2519 กรมที่ดินได้มีโครงการจัดที่ดินผืนใหญ่ป่าดงพะทาย ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ 1,5,6 และ 9 ต.พะทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม มีเนื้อที่ประมาณ 21,500 ไร่ และเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่านายศุภชัย โพธิ์สุ ได้ครอบครองที่ดินบริเวณป่าดงพะทาย จำนวนทั้งสิ้น 40 แปลงหรือ ประมาณ 200ไร่ เมื่อประมาณปี 2532 และที่ดินทั้ง 40 แปลงดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้มีคำสั่งให้ผู้มีชื่อตามใบจองออกไปจากที่ดินและขาดสิทธิ์ไปทั้งหมดแล้ว โดยในการจัดสรรที่ดินครั้งนั้นจังหวัดนครพนมได้ปิดหน่วยจัดที่ดินและรายงานผลการดำเนินการให้กรมที่ดินทราบแล้วซึ่งถือได้ว่าภาระกิจการจัดที่ดินตามโครงการได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติเสร็จสิ้นแล้ว

ดังนั้นที่ดินที่จัดสรรจึงตกอยู่ภายใต้กฎหมายทั่วไป กล่าวคือ ที่ดินส่วนที่เป็นถนนหรือที่สาธารณะประโยชน์จะมีสถานะเป็นที่สาธารณะประโยชน์ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกันส่วนที่ดินที่จัดสรรให้แก่ราษฎรอยู่อาศัยและทำกินแต่ผู้ได้รับการจัดสรรเดิมได้ละทิ้งไปด้วยเหตุผลประการใดก็ตามเมื่ออธิบดีกรมที่ดินโดยผู้ว่าราชการจังหวัดผู้รับมอบอำนาจได้มีคำสั่งให้ผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินเดิมออกจากที่ดินตามมาตรา 32แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้วที่ดินนั้นก็จะมีสถานะเป็นที่สาธารณะประโยชน์ประเภท รกร้างว่างเปล่า ประกอบกับที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏว่ามีการกำหนดให้เป็นเขตป่าไม้ถาวรหรือที่ป่าสงวนแห่งชาติแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อมีคำสั่งให้ผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินเดิมออกแล้ว นาย
ศุภชัย โพธิ์สุ ก็สามารถเข้าครอบครองทำประโยชน์ได้และสามารถขอออกเอกสารสิทธิ์เพื่อออกโฉนดได้ด้วย โดยไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

นายศุภชัย กล่าวว่า นอกจากนี้เรื่องดังกล่าวในสมัยตนเป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ในปี 2553 ก็เคยถูกฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องดังกล่าว อีกทางหนึ่งก็ส่งให้คณะกรรมการป.ป.ช. พิจารณาแต่ปรากฎว่าจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ได้มีการตัดสินอะไรออกมา ย่อมสันนิษฐานได้ว่าไม่มีความผิดอะไร