ครม.ให้ลดหย่อนเงินสมทบของนายจ้าง-ผู้ประกันตน เฟส 2 เพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบ 2.4 หมื่นล้านบาท

ครั้งนี้ลดเหลือ 2% เป็นเวลา 3 เดือน

ตั้งแต่เดือนก.ย.-พ.ย.2563

บรรเทาผลกระทบจากโควิด 13 ล้านคน

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม).เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยลดหย่อนการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จากปกติฝ่ายละ 5% เหลือฝ่ายละ 2% ของค่าจ้างผู้ประกันตน และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละ 96 บาท จากปกติที่ต้องจ่ายเดือนละ 432 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่งวดค่าจ้างเดือนก.ย. – พ.ย. 2563

สำหรับการลดหย่อนการจ่ายเงินสมทบครั้งนี้ ถือเป็นเฟสสอง หลังจากเฟสแรกลดเหลือฝ่ายละ 1% แต่หมดเขตไปแล้ว ซึ่งจะเป็นการลดภาระให้แก่ผู้ประกันตน จำนวน 12.79 ล้านคน คิดเป็นเงิน 13,074 ล้านบาท และนายจ้าง 487,000 ราย คิดเป็นเงิน 11,234 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กว่า 24,000 ล้านบาท และหากคิดเป็นจำนวนเงินที่จะประหยัดได้ของผู้ประกันตน มาตรา 33 เฉลี่ย 1,022 บาท และผู้ประกันตนมาตรา 39 เฉลี่ย 1,008 บาท ต่อช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ลดหย่อนให้ ส่วนกองทุนประกันสังคมจะจัดเก็บเงินสมทบได้จ 26,463 ล้านบาท จากปกติที่ประมาณการจัดเก็บได้จำนวน 50,775 ล้านบาท โดยจัดเก็บลดลง 24,313 ล้านบาท

ขณะที่ประมาณการรายจ่ายประโยชน์ทดแทนในช่วง 3 เดือน คิดเป็นเงิน 46,667 ล้านบาท ทำให้เงินสมทบที่จัดเก็บต่ำกว่ารายจ่าย และต้องใช้เงินกองทุน 17,204 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนเสียโอกาสจากการลงทุน 1,077 ล้านบาท