- พร้อมกันนี้กระทรวงคมนาคม เผย ICAO มีหนังสือแจ้งเชิญประเทศสมาชิกร่วมประชุม HLCC 2021
- หารือถึงการฟื้นฟูการบิน ความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์ ภายหลังการระบาดใหญ่ทั่วโลก
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมระดับสูง ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 พร้อมอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาดังกล่าว โดยมีกำหนดรับรองในวันที่ 22 ต.ค. 2564 ในการประชุม High-Level Conference on COVID-19 (HLCC 2021) ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมรายงานว่า องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) ได้มีหนังสือแจ้งเชิญประเทศสมาชิกเข้าร่วมประชุม HLCC 2021 ระหว่างวันที่ 12-22 ต.ค. 2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในหัวข้อหลักคือ หนึ่งวิสัยทัศน์เพื่อการฟื้นฟูการบิน ความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์ และความยั่งยืนภายหลังภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรลุฉันทามติร่วมกันตามแนวทางพหุภาคีในการฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมการบินที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ และความยั่งยืนในภาคการบินในอนาคต และจะมีการรับรองปฏิญญาภายใต้หัวข้อดังกล่าวด้วย
สำหรับสาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิก โดยเน้นย้ำความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างรัฐสมาชิกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ICAO และองค์การอนามัยโลก(WHO) มีรายละเอียดที่สำคัญเช่น ประเด็น การฟื้นฟูภาคอุตสาหกรรมการบินจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จะสนับสนุนการทำงานของคณะทำงาน ICAO Council Aviation Recovery Taskforce (CART) และให้ความสำคัญของมาตรฐานร่วมในการเดินทาง การทำงานร่วมกันผ่านระบบดิจิทัลแอปพลิเคชัน ตลอดจนการถอดบทเรียนจากโรคระบาดในปัจจุบัน และการทำงานร่วมกับพันธมิตรระหว่างประเทศที่สร้างขึ้นบนแนวทางของICAO และ WHO รวมทั้งจัดตั้งยุทธศาสตร์ Public Health Corridors ในระดับทวิภาคี ภูมิภาค และพหุภาคี หรือความตกลงในรูปแบบอื่นๆที่มีผลเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยอมรับวัคซีนร่วมกันและการลดความเสี่ยงเพิ่มเติมอื่นๆตามความจำเป็น
ขณะที่การประสานกันของแนวปฏิบัติในการเดินทางระหว่างประเทศนั้น ผู้โดยสารทุกคนควรได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติที่เท่าเทียม และเป็นธรรม ความสามารถในการเดินทางและการได้รับวัคซีนจะต้องไม่เป็นเงื่อนไขสำหรับการเดินทาง รวมถึงการบรรเทาหรือยกเว้นข้อกำหนดในการตรวจหาเชื้อและกักตัวสำหรับผู้โดยสารที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ โดยจัดให้มีทางเลือกอื่นๆ สำหรับผู้โดยสารที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และการอำนวยความสะดวกการขนส่งวัคซีนทางอากาศ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการต่อสู้กับโควิด-19 โดยเฉพาะการขนส่งไปยังประเทศกำลังพัฒนา เป็นต้น