ครม. ทุ่มงบ 1.7 หมื่นล้านบาทรับมือ วิกฤติโควิด-ภัยแล้ง

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติอนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดไวรัสโคโรนาโควิด-19 และสถานการณ์ภัยแล้ง จำนวน 17,310 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.สำหรับสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19 จำนวน 9,002 ล้านบาท (1.1) โครงการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 จำนวน 6,302 ล้านบาท (1.2) โครงการการจ้างงาน (ระยะเวลาจ้างไม่เกิน 6 เดือนอัตราจ้างไม่เกิน 9,000 บาทต่อเดือน ) จำนวน 2,700 ล้านบาท

2.สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งจำนวน 8,308 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับงบประมาณ 9,002 ล้านบาทสำหรับแก้ปัญหาสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19 แบ่งเป็น 1.ส่วนราชการ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรมากที่สุด 5,488 ล้านบาท เป็นของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 1,551 ล้านบาท, กรมควบคุมโรค 520 ล้านบาท, สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 3,260 ล้านบาท ขณะที่กระทวงพาณิชชย์ได้รับการจัดสรร 108 ล้านบาท เพื่อชดเชยโรงงาน ผลิตหน้ากากอนามัยทั้ง 11 โรงงาน ที่ต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นมาก

น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลขอยืนยันว่ารัฐบาลทำเต็มที่กับการจัดสรรหน้ากากอนามัยให้ได้เพียงพอแก่ประชาชน โรงพยาบาล ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกับโรงงงาน 11 แห่งเพื่อปรับไลน์การผลิตให้ได้จำนวนมากขึ้น จากเดิม 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน เป็น 1.76 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่ง จำนวนที่เพิ่มขึ้น 560,000 ต่อวันนั้น เราจะจัดสรรให้กับหน่วยงานทางการแพทย์ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่จากเดิมที่ได้รับการจัดสรร 7 แสนชิ้นต่อวัน เพิ่มเป็น 1 ล้านชิ้นต่อวัน โดยใน 1 ล้านชิ้นต่อวัน แบ่งเป็นโรงพยาบาลภายในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 500,000 ชิ้นต่อวัน โรงพยาบาลนอกกระทรวงสาธารณสุข 70,000 ชิ้นต่อวัน โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัยและคณะทันตแพทย์ 100,000 ชิ้นต่อวัน โรงพยาบาลเอกชนและคลีนิคเอกชน 200,000 ชิ้นต่อวัน โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร 80,000 ชิ้นต่อวัน และจัดสรรตามมาตรการกักกันตัว 50,000 ชิ้นต่อวัน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดเตียงสำหรับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ไว้ทั้งหมด 6,063 เตียง

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ส่วนหน้ากากอนามัยของกลางที่กรมศุลกากรจับยึดมาได้นั้น เราจะนำมาจัดสรรให้กับโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม สุดท้ายหากศาลมีคำสั่งว่า ต้องคืนของกลาง รัฐบาลจะจ่ายเป็นเงินให้แทน เพื่อให้เราสามารถจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กับหน่วยงานที่ต้องการก่อน ขณะที่ปัญหาการกักตุน และขายสินค้าเกินราคา วันนี้กระทรงพาณิชย์ รายงานครม. ว่าจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อป้องกันและปราบปราบการกักตุนและขายสินค้าเกินราคา โดยแบ่งเป็นทั้งส่วนกลางและระดับจังหวัดเพื่อให้ตรวจสอบในทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจ ประกอบด้วย พาณิชย์จังหวัด เจ้าหน้าที่ปกครอง ตำรวจ กอ.รมน.จังหวัด เป็นกรรมการ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่า มีเจ้าหน้าที่ไปดูแลหากมีผู้ใดกระทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม