คมนาคมไม่รอช้าอัดงบปี63ลงทุนระบบราง1.1ล้านล้าน

  • “ศักดิ์สยาม”ปล่อยจุดสตาร์ทปี63สร้างระบบราง1.1 ล้านล้านบาท
  • จัดเต็มมาครบทั้ง“รถไฟฟ้า-ทางคู่-ไฮสปีด”ทั่วไทย
  • มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบสร้างงาน-ลงทุน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานะระบบรางที่จะเริ่มต้นขึ้นในปีงบประมาณ 63 นั้นยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมจะยังคงเดินนห้าลงทุน ซึ่งภาพรวมจะพบว่ามูลค่าของโครงการในการลงทุนครั้งนี้จะสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งหากเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ จีดีพี(GDP)ที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 16 ล้านล้านบาท มูลค่าการลงทุนในระบบรางจะอยู่ที่ 7 %ของจีดีพีประเทศ โดยการลงทุนในระบบรางจะแบ่งเป็นการลงทุนในรถไฟฟ้าใน 8 เส้นทาง มูลค่ากว่า 314,601.26 ล้านบาท , รถไฟทางคู่ จำนวน 9 เส้นทาง มูลค่าลงทุน425,529.47ล้านบาท ,รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มูลค่าลงทุนรวม 225,000 ล้านบาท และรถไฟความเร็วสูง กทม.-โคราช มูลค่าลงทุนรวม 179,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการลงทุนเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อวางรากฐานระบบการเดินทางของไทย ซึ่งเมื่อมีการเปรียบกับการลงทุนของประเทศจีน และ ญี่ปุ่น

.ปี63เปิดจุดสตาร์ทสร้างรถไฟฟ้าเพิ่ม8เส้นทั่วกรุง

สำหรับแผนโครงการลงทุนรถไฟฟ้าในปี 63 ที่จะต้องมีการเปิดประกวดราคา และก่อสร้าง มีทั้งสิ้น 8 เส้นทาง ระยะทางรวม 106 กม.วงเงินงบประมาณรวม 314,601.26 ล้านบาท ประกอบไปด้วย 1.รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก์ ระยะทาง 21.80 กม. ,2.รถไฟฟ้่าสายสีแดงเข้ม เส้นทาง รังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม.วงเงินงบประมาณรวม 6,570.40 ล้านบาท ,3.รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน เส้นทางตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง14.80 กม.วงเงินงบประมาณ 10,202.18 ล้านบาท ,4.รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน เส้นทาง ตลิ่งชัน – ศิริราช ระยะทาง 5.70 กม. วงเงินงบประมาณ 6,645.03 ล้านบาท ,

และ 5.รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซ่ือ –  หัวลำโพง ระยะทาง 5.75 กม. วงเงินงบประมาณ44,157.76 ลบ. (วงเงินรวมกับบางซื่อ-หัวหมาก) ,6.รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ – มักกะสัน – หัวหมาก ระยะทาง 25.90 กม. วงเงินรวมกับบางซื่อ-หัวลาโพง 7.รถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน – ราษฏรบ์ ูรณะ ระยะทาง 23.60 กม.วงเงินรวม 124,958.62ล้านบาท และ 8.รถไฟฟ้าสายสีส้มศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ ระยะทาง 13.40กม.วงเงินงบประมาณ122,067.27ล้านบาท

.ทางคู่ได้ฤกษ์เปิดหวูดประมูลสร้างทั่วไทย

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนแผนดำเนินการในโครงการลงทุนรถไฟทางคู่ในปี63 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)นั้นจะมีทั้งสิ้น 9 โครงการ ระยะทางรวม 2,161 กม. มูลค่าลงทุนรวม 425,529.47 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการรถไฟทางคู่ที่อยู่ในขั้นตอนการประกวดราคาและเตรียมก่อสร้าง จำนวน 2 โครงการระยะทาง 678 กม. มูลค่าโครงการรวม 153,310.33 ล้านบาท คือ 1.เส้นทางรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กม. มูลค่าโครงการรวม 85,345 ล้านบาท และ2. เส้นทางรถไฟทางคู่ บ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. มูลค่าโครงการรวม67,965.33 ล้านบาท

นอกจากนั้นจะมีรถไฟทางคู่อีก 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,483 กม.วงเงินงบประมาณรวม 272,219.14 ล้านบาท ที่กระทรวงคมนาคมเตรียมขออนุมัติโครงการเพื่อดำเนินการในปี63 ประกอบไปด้วย 1.เส้นทาง ขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167กม. วงเงิน 26,663.36 ล้านบาท , 2.เส้นทางชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308กม. วงเงิน 37,527.10 ล้านบาท ,3.เส้นทาง ปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 62,859.74 ล้านบาท ,

4.เส้นทาง เด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กม. วงเงิน 56,837.78 ล้านบาท ,5.เส้นทางชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 24,294.36 ล้านบาท, 6.เส้นทาง สุราษฎร์ธานี -ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง321 กม. วงเงิน 57,375.43 ล้านบาท,และ 7. เส้นทาง ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45กม. วงเงิน 6,661.37 ล้านบาท


.สร้างแรงงานทักษะอาชีพในอุตสาหกรรมระบบราง

“ในเบื้องต้นงบประมาณที่มีการลงทุนจะทำให้เกิดการใช้จ่ายในเรื่องการก่อสร้างมี supply chains ไม่น้อย กว่า 3-5 เท่า ของเงินงบประมาณที่ลงทุนเบิกจ่ายไปในแต่ละปี นอกจากนั้นเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะทำให้ต้นทุน การขนส่งลดลงไม่ต่ำกว่า 30 % ขณะเดียวกันยังช่วยทำให้งบประมาณที่จะใช้ซ่อมบำรุง ทางบก ลดลงไม่น้อย กว่า  30 %ทันที

ขณะเดียวกันยังจะช่วยให้เกิดการจ้างแรงงานในระบบราง และ สร้างงาน พัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมระบบรางมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันมีการซ่อมบำรุงในอุตสาหกรรมระบบรางกว่า 9,600 ล้านบาท และหากมีการลงทุนในอีก5ปีข้างหน้าจะเกิดการสร้างงาน ซ่อมบำรุงในระบบอุตสาหรรมการระบบรางอีกกว่า 14,000 ล้านบาท ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ภาครัฐโดยกระทรวงคมนาคมลงทุนไม่ได้แค่เกิดโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่เป็นอนาคตของประเทศไทย รวมถึงเมื่อมีโครงข่ายระบบรางที่ครอบคลุมในทุกมิติ ยังจะช่วยลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นจากการเดินทางได้ “นายศักดิ์สยาม กล่าวย้ำ 

นอกจากนั้นในส่วนของภาครัฐ เมื่อมีแผนที่จะพัฒนาลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ ภาครัฐจะต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงความจำเป็นที่ภาครัฐต้องลงทุน ซึ่งในส่วนนี้อาจจะกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน ที่ระบบรางจะต้องเข้าไปลงทุนก่อสร้าง ทั้งในเรื่องของจุดตัด จุดลักผ่านของรถไฟ หรือ การกั้นรั้วของเขตทางเพื่อลดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น  ส่วนเรื่องที่ต้องเร่งทำในขั้นต่อไปคือ การบริหารจัดการระบบรางให้มีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยี ระบบควบคุม และการกำกับดูแลมาตรฐานความปลอดภัยซึ่งในส่วนนี้กรมการขนส่งทางรางจะเข้ามาทำหน้าที่

.เดินย้อนรางรถไฟเส้นไหนเปิดบริการแล้ว

สำหรับเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ในความรับผิดชอบของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)ที่ได้เปิดให้บริการไปแล้วมีทั้งหมด 7 เส้นทางรวมระยะทางทั้งสิ้น 153.80 กม.ประกอบด้วย เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง 1.เส้นทาง บางใหญ่-เตาปูน ระยะทาง 23 กม. ,รถไฟฟ้าสายสีเขียว 2. เส้นทาง หมอชิต-สมุทรปราการ ระยะทาง 37.10 กม.,3.เส้นทาง หมอชิต-ม.เกษตรศาสตร์ ระยะทาง  4 กม.,4.เส้นทาง สนามกีฬาแห่งชาติ-บางหว้า ระยะทาง  14 กม.,รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 5.เส้นทาง เตาปูน-บางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 21กม. ,6.เส้นทาง หัวลำโพง-บางแค(หลักสอง)ระยะทาง  14  กม. และ 7.เส้นทาง เตาปูน-ท่าพระ 12 กม. ส่วนรถไฟทางคู่เส้นทางที่เปิดให้บริการแล้วคือ เส้นทาง หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันรถไฟไทยมีให้บริการครอบคลุมใน 47 จังหวัด ระยะทางรวมทั้งสิ้น 4,044 กม. โดยเป็นรถไฟที่วิ่งให้บริการไปยังสายเหนือ 781 กม. ไปยังภาคใต้ 1.570 กม. ,วิ่งให้บริการไปยังสายตะวันออกเฉียงเหนือ 1,094 กม. ,วิ่งให้บริการไปยังสายตะวันออก 534 กม. และวิ่งให้บริการไปยังสายแม่กลอง 65 กม. ซึ่งจากระยะทางทั้งหมดในประเทศไทยนั้น ได้แบ่งเป็นรถไฟทางเดี่ยวกว่า 83.93% ระยะทาง 3,394 กม. ,รถไฟทางคู่ มีสัดส่วนที่ 13.43% ระยะทาง 543 กม. และ เป็นรถไฟทางสาม สัดส่วนที่ 2.64%ระยะทางรวม 107 กม