คนไทยปวดหัว! เจอสายมิจฉาชีพ 17 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 165% จากปีที่แล้ว

  • สัดส่วนเบอร์โทรศัพท์คนไทยรั่วไหล
  • ถูกขายในทางที่ผิดจำนวนถึง 13.5 ล้านเบอร์

นางสาวฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท Gogolook ผู้ทำสำรวจ ระบุ 7 ใน 10 ครั้งของข้อความ SMS ที่คนไทยได้รับเป็นข้อความสแปมและข้อความหลอกลวง หรือคิดเป็น 73% ของข้อความที่ได้รับทั้งหมด ได้แก่ ข้อความสแปม, ฟิชชิ่ง, หลอกลวง, เว็บพนัน, ปล่อยกู้ ส่วน SMS ปกติมีเพียง 27% ได้แก่ ข้อความแจ้งเตือน, OTP, ใบแจ้งหนี้ทั่วไป โดยข้อความ SMS ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อ “ติดต่อครั้งแรก” หลอกให้เหยื่อกดลิงก์ฟิชชิ่งเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว เพิ่มบัญชีไลน์เพื่อหลอกให้ส่งข้อมูลหรือโอนเงินให้ โดยกลอุบายที่พบบ่อย ได้แก่ การเสนอเงินกู้โดยมักอ้างรัฐบาลหรือธนาคาร การให้สิทธิ์เข้าตรงเว็บพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย

โดยมีคีย์เวิร์ดของข้อความหลอกลวงที่พบบ่อยที่สุด เช่น “รับสิทธิ์ยื่นกู้” “เครดิตฟรี” “เว็บตรง” “คุณได้รับสิทธิ์” “คุณได้รับทุนสำรองโครงการประชารัฐ” “คุณได้รับสิทธิ์สินเชื่อ” และ “คุณคือผู้โชคดี”

นอกจากนี้ยังพบกลหลอกลวงใหม่ๆ ในประเทศไทย มักเกิดขึ้นตามความสนใจและเทรนด์ต่างๆ เช่น การหลอกส่งพัสดุเพื่อเก็บเงินปลายทาง, การหลอกเสนองานพาร์ทไทม์, การหลอกว่าได้รางวัลจาก TikTok และแพลตฟอร์มต่างๆ

แมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ Gogolook กล่าวว่า ภัยคุกคามจากการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบต่อ อุตสาหกรรมต่อต้านการทุจริต (Anti-Fraud Prevention) จากข้อมูลของ Fortune Business Insight ระบุการหลอกหลวงลักษณะนี้จะมีมูลค่าถึง 129.2 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2572 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 22.8% จากการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีและช่องโหว่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลขององค์กร และคาดว่าจะมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อหลอกลวงมากขึ้นในอนาคต

Whoscall แนะนำให้ปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้เพื่อป้องกันตนเองจากเหล่ามิจฉาชีพ

  • อย่าคลิก หากคุณได้รับลิงก์ใน SMS อย่าคลิกลิงก์นั้น โดยเฉพาะข้อความที่มาจากธนาคารหรือหมายเลขที่ไม่รู้จัก เนื่องจากปัจจุบันมีข้อห้ามไม่ให้ธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศไทยส่งลิงก์ทาง SMS ให้กับลูกค้าโดยตรง
  • อย่ากรอก หากได้รับ SMS เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือขออัปเดตชื่อผู้ใช้/รหัสผ่าน หรือข้อมูลทางการเงินที่มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่น่าสงสัย และอย่าให้ข้อมูลส่วนบุคคลเด็ดขาด
  • อย่าเพิกเฉย ผู้ใช้สามารถช่วยกันต่อต้านกลโกงและหลอกลวงทางโทรศัพท์ โดยการรายงานเบอร์โทรศัพท์ที่น่าสงสัยหรือหลอกลวง ทางแอปพลิเคชัน whoscall เพื่อป้องกันและช่วยส่งคำเตือนไปยังกลุ่มผู้ใช้รายอื่น

Whoscall ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 โดย Gogolook บริษัทสตาร์ทอัพจากไต้หวัน เป็นแอปพลิเคชันที่สามารถระบุหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก โดยจะระบุตำแหน่งต้นทาง และแสดงบนหน้าจอทันทีเมื่อตรวจจับเบอร์ต้องสงสัยว่าเป็นเบอร์มิจฉาชีพ ด้วยการกรองสายน่าสงสัยด้วย AI และฐานข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ทั่วโลก พร้อมให้บริการค้นหาเบอร์โทรศัพท์เพื่อตรวจสอบและรายงานความปลอดภัยกับฐานข้อมูลได้ทันที