คนไทยกิน “แกลบ”​

   มีข่าวปล่อยว่า “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เขียนใบลาออกจากตำแหน่งหน้าที่ที่อุต สาหะแหวกม่านประเพณีต่างๆตั้งแต่แก้กฏหมายรัฐธรรมนูญ และกฏหมายอื่นๆเพื่อให้ตัวเองอยู่ต่อไปได้อีกสัก 3 ปี 5 ปี ไว้แล้ว และพร้อมจะยื่นต่อรัฐสภาทันที หากนักการเมืองในสภาวุ่นวายกันนัก

 ข่าวเรื่องลุงตู่ลาออกเนี่ย จริงๆมีมาสักระยะหน่ึงแล้ว แต่น่าจะจัดเป็นการ “ลองของ” หลังจากที่ กสทช. ประ กาศจะจัดการกับข่าวประเภท Fake News จึงไม่มีใครใส่ใจ และเอาเข้าจริงๆกสทช.ก็ยังจัดการปัญหานี้ไม่ได้อยู่ดี

  แต่ไม่ว่า ลุงตู่ จะลาออกจริงหรือไม่ ข่าวการเมืองก็ยังสร้างความวิตกกังวลในบรรยากาศท่ัวไปอยู่ดี เพราะมีความวุ่นวายอยู่ตลอด โดยเฉพาะเรื่องยุบพรรคอนาคตใหม่ มีผลให้สส.ต้องย้ายพรรคกันอีกรอบ แปลได้ว่า จมปลักอยู่กับเรื่องการเมืองน้ำเน่า ในขณะนี้เรื่องสำคัญเวลานี้อยู่ที่ปัญหาปากท้อง คนไม่มีจะกิน

  ถ้าปล่อยไว้ในสภาพที่การเมืองไม่มั่นคง ไม่มีเสถียรภาพ และความน่าเช่ือถือ นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักก็มองว่า ประเทศไทยอาจเข้าสู่สภาวะการณ์ที่เรียกว่า เศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession ได้ เพราะการขยายตัวทางเศรษฐกิจปรับลดลงมาติดต่อกัน 3 โตรมาสแล้ว กระท่ังถึงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เติบโตเพียง 2. 3% ถึงขั้นที่สภาพัฒนา การเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ(สศช.)ต้องประกาศว่า เศรษฐกิจไทยโตต่ำสุดในรอบ 19 ไตรมาส หรือ ต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี และถ้ารวมครึ่งปี ก็ขยายตัวได้เพียง 2.6% เท่านั้น

  ขนาดอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจกันกระจุยกระจายไปหลายครั้ง นับแต่ละครั้งมารวมๆกัน ก็น่าจะเป็นแสนล้านบาท โดยเฉพาะอัดฉีดให้กับคนในระดับรากหญ้า คนชรา และผู้ด้อยโอกาส 14.5 ล้านคน แต่กลับไม่เกิดผลใดๆ

  ปัญหาสงครามการค้าที่เกิดขึ้นในหลายชาติ เช่น สหรัฐกับจีน จีนกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ และล่า สุด ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ก็เป็นปัญหาสำคัญประการหน่ึงที่ทำให้ตลาดส่งออกไทยกระทบกระเทือน เมื่อส่งออกกระทบการจ้างงานของคนไทย ก็ย่อมต้องกระทบตามไปด้วย นี่ยังไม่ได้นับการเกิดภัยแล้ง และหนี้ครัวเรือนที่สูงที่สุดในรอบ 9 ไตรมาสที่มีผลให้ไทยหล่นไปอยู่อันดับที่ 11 ของประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุด

  นั่นคือปัญหาเบื้องต้น ทีนี้ถ้าดูเนื้อในโครงสร้างการผลิตของอุตสาหกรรมไทย ยังพบด้วยว่า อุตสาหกรรมไทยขาดเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิต และนวัตกรรมใหม่ๆที่จะไปแข่งขันกับประเทศใดๆในตลาดโลกได้

 สินค้าในตัวเราเกือบทั้งหมดนำเข้าจากต่างประเทศ ภาคการผลิตของไทยทำได้แต่สินค้าต้นน้ำ ส่วนกลางน้ำ กับปลายน้ำ ต้องส่ังวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาแล้วผลิตเพ่ือส่งออกไปขายอีกที เพราะฉนั้น รายได้เข้าประเทศจึงไม่เข้ามาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

 ย่ิงเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว ซ้ำปล่อยให้เงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค และไม่ยอมปรับลดดอกเบี้ยลงตามสัดส่วนที่ควรจะเป็นในเวลาที่เหมาะสม การดำเนินงานเพื่อแก้ปญหา หรือกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ และในเวลาที่ต้องการให้เกิด

    ประเด็นเรื่องค่าเงินบาทน่ะ พูดกันมาหลายครั้งซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่คนในธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวเองขณะที่เป็นนักวิชาการ ไม่ได้ลงมือปฏิบัติจริงเหมือนพวกนักค้าเงินจากแบงก์พาณิชย์ ซึ่งจริงๆน่าจะขอความร่วมมือกับพวกเขาให้ช่วยทำเรื่องนี้ให้นานแล้ว และควรทำเสียก่อนที่จะเหตุการณต่างๆจะเกิดขึ้น ทีนี้ ถ้าเศรษฐกิจยังโตอยู่แค่นี้ ท้ายที่สุดคนไทยก็คงต้องกินแกลบกันละคราวนี้
                               

สายทิพย์