คนภูเก็ตรอหน่อย…”ศักดิ์สยาม”ยัน”ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง”มีแน่จ่อรายงานครม.สัญจรรับทราบวันนี้-ได้ฤกษ์ลงเสาเข็มปีหน้า

“ศักดิ์สยาม”ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจแนวเส้นทาง สร้างทางด่วน สายกระทู้-ป่าตอง ภูเก็ต วงเงิน 1.4 หมื่นล้าน ก่อนรายงาน ครม.สัญจร จ.ภูเก็ต รับทราบวันนี้  มั่นใจ โครงการจะ เชื่อม 2 แห่งท่องเที่ยวในจังหวัด ลดเวลาเดินทางเหลือ 10 นาที จากเิมใช้เวลาเดินทางเกือบ2ชั่วโมง มั่นใจลดอุบัติเหตุ เกิดประโยชน์ภาคธุรกิจท่องเที่ยว คาดเริ่มสร้างปี64 เปิดให้ใช้งานได้ปี 70 

นายศักดิ์สยาม  ชิดชอบ รมว.คมนาคม  เปิดเผยภายหลังโดยสารเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจพื้นที่ก่อสร้างโครงการทางพิเศษกะทู้-ป่าตอง จ.ภูเก็ต ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร(กม.) วงเงิน 1.41 หมื่นล้านบาทว่า จากการสำรวจพื้นที่จริงเพื่อให้เห็นภาพชัดของแนวโครงการที่จะดำเนินการ ซึ่งตนจะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ให้ ครม.รับทราบถึงแนวทางการพัฒนาโครงการ  ซึ่งโครงการนี้อยู่ในความรับผิดชอบของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)และล่าสุด กทพ.อยู่ระหว่างประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ  กรมป่าไม้ เพื่อขออนุญาตการใช้พื้นที่เพื่อก่อสร้างโครงการ  หลังจากการประสานงานเรียบร้อย  คาดว่าจะสามารถนำเสนอ ให้ ครม.อนุมัติหลักการของโครงการในเดือน พ.ค.64 และเริ่มดำเนินการคัดเลือกผู้รับสัมปทานได้ภายในเดือน มิ.ย.64   หลังจากนั้นจะเริ่มงานก่อสร้างทันที  และโครงการจะแล้วเสร็จในปี 2570 

“ยืนยันว่า โครงการ จะส่งผลดีต่อประชาชนและนักท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต  โดยจากเดิมเส้นทางถนนกระทู้ป่าตอง เป็นถนนคดเคี้ยวตามเขา  ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเดินทาง 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง แต่เมื่อโครงการแล้วเสร็จ การเดินทางระหว่าง 2 แหล่งท่องเที่ยว จะใช้ระยะเวลาเพียงประมาณ  10 นาทีเท่านั้น  “นายศักดิ์สยามกล่าว 

สำหรับโครงการทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง ถือเป็นโครงการแรกของ กทพ. ที่ดำเนินโครงการในต่างจังหวัด โดยมีลักษณะพิเศษคือ การเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาความยาว 1.85 กิโลเมตร และจะเป็นทางพิเศษสายแรก ที่อนุญาตให้รถจักรยานยนต์ขึ้นใช้ได้  ก่อประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก  นอกจากลดเวลาในการเดินทาง  และยังลดปัญหาอุบัติเหตุการสูญเสียในเส้นทางเดิมด้วย  โดยรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคมระบุว่าโครงการดังกล่าว จะเป็นการลงทุนแบบ PPP และจากการทำผลศึกษาขณะนี้พบว่า   ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าต่อการลงทุนสูง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า  การเดินทางสำรวจ โดยฮอลิคอปเตอร์ ของ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงคมนาคม   ยังทำการบินสำรวจแนวเส้นทาง รถไฟฟ้ารางเบา ( tram) หรือ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดภูเก็ต ช่วงท่าอากาศยานภูเก็ต – ห้าแยกฉลอง  ของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)  โดยเส้นทางออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ช่วงท่าอากาศยานภูเก็ต – ห้าแยกฉลอง และระยะที่ 2  ช่วงสถานีรถไฟท่านุ่น – สถานีเมืองใหม่ ซึ่ง รฟม. ได้เริ่มดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 1 เป็นลำดับแรก ระยะทางรวม 41.7 กม. กรอบวงเงินลงทุนเบื้องต้น 35,201 ล้านบาท 

โดยมีแนวเส้นทางเริ่มจากท่าอากาศยานภูเก็ต ก่อสร้างเป็นทางยกระดับบน ทล.4031 จากนั้น   ลดระดับลงสู่ระดับดินที่ ทล.4026 และปรับโครงสร้างยกระดับอีกครั้งเพื่อข้ามทางแยกสนามบินและอุโมงค์ทางลอด ทางแยกสนามบิน เลี้ยวขวาแล้วจึงลดระดับสู่ระดับดินบน ทล.402 เพื่อเข้าสู่เมืองภูเก็ตโดยแนวเส้นทางช่วงที่ผ่านอำเภอถลางจะลดระดับเป็นทางลอดใต้ดิน ระยะทางประมาณ 3 กม. ก่อนจะปรับกลับขึ้นสู่ระดับดิน ผ่านอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี – ท้าวศรีสุนทร 

ต่อมาก่อนเส้นทางทางเข้าสู่แยกบางคูจะลดระดับเป็นทางลอดใต้ดินผ่านทางแยกบางคู (แยกบายพาส) ก่อนกลับขึ้นสู่ระดับดิน เข้าสู่สถานีขนส่ง ผ่านเข้าเทศบาลเมืองภูเก็ต ถนนภูเก็ต  และข้ามสะพานเทพศริสินธุ์ (คลองเกาะผี) เข้าสู่ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก และไปสิ้นสุดเส้นทางใกล้กับท่าเรือฉลอง บริเวณห้าแยกฉลอง ปัจจุบัน อยู่ระหว่าง รฟม.จัดทำเรื่องเพื่อนำเสนอกระทรวงฯ คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบหลักการของโครงการฯ ระยะที่ 1 และรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 

ทั้งนี้จากการศึกษาวิเคราะห์รูปแบบ PPP ที่เหมาะสมในเบื้องต้น คือ การให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการฯ ในรูปแบบ PPP Net Cost โดยรัฐลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และเอกชนลงทุนค่าก่อสร้างงานโยธา งานระบบ  และขบวนรถไฟฟ้า และให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาเป็นระยะเวลา 30 ปี 

รวมทั้งเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสาร  และรับความเสี่ยงด้านรายได้ค่าโดยสาร รายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด โดยรัฐจะช่วยสนับสนุนทางการเงินให้แก่เอกชนในส่วนของค่าก่อสร้างงานโยธา คาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างโครงการฯ ในปี 66 แล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 69