- เหตุกรณีไม่แย้งคำสั่งของอัยการ ที่ไม่สั่งคดี “บอส อยู่วิทยา”
- โดนแน่ชัด 1 นาย “พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น” เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้คดีวุ่นวาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ส.ค.) สำนักข่าวไทยได้นำเสนอข้อมูล การตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกิจากคณะกรรมการสอบสวนคดีเท็จจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีไม่แย้งคำสั่งของอัยการ ที่ไม่สั่งคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยาหรือ“บอส” ในคดีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยได้เสนอรายชื่อตำรวจกว่า 30 นาย ที่พบข้อบกพร่องในการทำสำนวนคดี ต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณา ลงโทษแล้ว
ทั้งนี้ได้มีแหล่งข่าว เปิดเผยกับทางสำนักข่าวไทย ว่า เอกสารสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการสอบสวนชุดดังกล่าว ที่มี พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน กรณีไม่แย้งคำสั่งของอัยการ ที่ไม่สั่งคดี ของ “บอส อยู่วิทยา” ในคดีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี2555 จำนวนกว่า 1,400 หน้า กระดาษ A4 และได้สรุปผลและเสนอต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสอบสวน เสร็จภายใน 13 วัน จากกรอบระยะเวลาที่ ผบ.ตร.ให้ไว้ไม่เกิน 15 วัน
โดยผลการสอบสวน คณะกรรมการฯ พิจารณาไล่มาตั้งแต่ ปี 2555 หรือเกือบ 8 ปีก่อน ที่พนักงานสอบสวนสน.ทองหล่อ รับเป็นคดี มาจนถึงสอบสวนการใช้ดุลพินิจไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง ของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผบ.ตร. เช่น การไม่ขอหมายจับ หรือขอหมายแต่ก็ล่าช้า เป็นเหตุให้นายวรยุทธ หลบหนีออกนอกประเทศไปได้ ซึ่งข้อมูลที่คณะกรรมการฯ เสนอต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น เป็นประเด็นความบกพร่อง และรายชื่อของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะต้องรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยจัดกลุ่มความรับผิดชอบตั้งแต่สารวัตรของ สน.ทองหล่อ ขึ้นไปรวมกว่า 30 นาย เช่น กลุ่มพนักงานสอบสวน กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มพยาน และเจ้าหน้าที่กองกฎหมายและคดี พร้อมเสนอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาบทลงโทษตามดุลพินิจของ ผบ.ตร.ในการพิจารณา
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่านายตำรวจ 1 คนที่ถูกเสนอพิจารณาข้อบกพร่องแน่ๆ คือ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 เนื่องจากเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้คดีวุ่นวาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง เสียความน่าเชื่อถือของกองพิสูจน์หลักฐาน จากการเปลี่ยนแปลงผลการตรวจสอบ ความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธ ที่ขับขี่ในวันที่เกิดเหตุ
