ข้อมูลชัดเจนถอดถอน“ทรัมป์”นักลง ทุนชะลอซื้อดาวโจนส์เปิดตลาดแดน ลบ

  • รายงานระบุ ใช้ตำแหน่งขอให้รัฐบาลต่างชาติแทรกแซงเลือกตั้ง63
  • ขณะที่ข่าวดีเจรจาการค้า จีนสั่งนำเข้าถั่วเหลือง 6 แสนตัน
  • กระทรวงพาณิชย์คงตัวเลขขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาส 2

เมื่อเวลาประมาณ 22.00น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวในแดนลบอยู่ที่ 26,886.78 จุด ลดลง 83.93 จุด หรือ -0.31% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,016.14 จุด ลดลง 61.24 จุดหรือ -0.76% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,968.93 จุด ติดลบ15.94 จุดหรือ 0.51%

นักลงทุนยังคงชะลอการลงทุน เพื่อจับตาปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากที่มีรายงานของคณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ระบุการแจ้งเบาะแสเพิ่มเติม เกี่ยวกับการที่ประธานาธิยดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ใช้อำนาจขณะดำรงตำแหน่งเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลต่างชาติเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2563

รายงานฉบับนี้ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการที่ปธน.ทรัมป์ได้โทรศัพท์หานายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ซึ่งปธน.ทรัมป์ได้กดดันให้นายเซเลนสกีทำการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน

และขณะนี้กระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง กำลังดำเนินอยู่

อย่างไรก็ตามยังคง มีข่าวดีเกี่ยวกับทิศทางการเจรจาเพื่อยุติสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังจากนายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า บริษัทจีนได้ทำข้อตกลงในการสั่งซื้อถั่วเหลืองและเนื้อสุกรจำนวนมากจากสหรัฐ

ซึ่งเป็นไปจามรายงานข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ ว่าจีนได้ตกลงจะสั่งนำเข้าถั่วเหลืองจำนวน 600,000 ตันจากสหรัฐ หลังการเจรจาการค้าในระดับรัฐมนตรีช่วยระหว่างสหรัฐและจีนที่กรุงวอชิงตัน โดยกรณีนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อการบรรลุข้อตกลงการค้าในการเจรจาในระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนที่จะมีขึ้นในเดือนหน้าสอดคล้องกับคำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระบุว่า สหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาดไว้

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2562 โดยคงไว้ที่ระดับ 2.0% สอดคล้องกับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 หลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 1/2562 และ 2.6% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 11 แต่การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุน และการผลิตของภาคธุรกิจ ถึงแม้ว่าการบริโภคทะยานขึ้น ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตรา 2.5% ในปีนี้ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งไว้ที่ระดับ 3%