ก.ล.ต.เล็งนำระบบAIติดตามพฤติกรรมการซื้อขายหุ้นผิดปกติ

  • ดีเดย์ปีนี้ใช้ได้มั่นใจเป็นหนทางหนึ่งป้องกันการปั่นหุ้น
  • พร้อมผนึกกำลัง 3หน่วยงาน ก.ล.ต. -ปปง.-ดีเอสไอ ปรับปรุงกฎหมาย
  • มั่นใจป้องกันการใช้ตลาดทุน-ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมาฟอกเงิน

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น  เพื่อมาใช้ในการติดตามพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ของนักลงทุน ที่อาจเข้าข่ายมีความผิดปกติ ตามกฎหมายหลักทรัพย์โดยก.ล.ต.จะนำระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาใช้ ในการติดตามความถี่ของการซื้อขายที่มีความผิดปกติต่างๆ ซึ่งจะมีทำได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะนำระบบ AI มาใช้ได้ภายในปีนี้ 

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15กค ที่ผ่านมาสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ลงนามความร่วมมือกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

เพื่อร่วมกันปรับปรุงข้อกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากเดิม มีเป้าหมายเพื่อป้องปรามการกระทำผิดในตลาดทุน และถือเป็นการยกระดับความคุ้มครองผู้ลงทุน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน เนื่องจากกฎหมาย หรือ ข้อตกลงที่ทำร่วมกันที่ผ่านมา มีความล้าสมัย เพราะบางฉบับได้ทำการตกลงตั้งแต่ปี 2548 นอกจากนี้ ยังเป็นการร่วมมือกันรองรับกับพ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกมาเมื่อปี 2561 ด้วย 

“ทั้ง3หน่วยงานที่ผ่านมา ได้มีการทำข้อตกลงร่วมกันอยู่แล้ว แต่บางฉบับต้องแก้ไขให้ update หรือมีความทันสมัยเพราะได้ลงนามกันตั้งแต่ปี 2548 ดังนั้นเพื่อให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจึงต้องแก้ไขข้อตกลงร่วมกัน”

นางสาวรื่นวดี กล่าวต่อว่า สำหรับความตกลงร่วมมือกันในครั้งนี้ จะรวมถึงการลดขั้นตอนการทำงานในขั้นตอนของการสอบสวนด้วย ให้มีขั้นตอนที่น้อยลง มีความรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงให้มีการใช้และแลกเปลี่ยนข้อมูลในโลก Digital มาดำเนินการว่าจะเป็นในรูปแบบใดได้บ้าง นอกจากนี้ ยังเป็นการป้องกันการใช้ตลาดทุน และตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มาเป็นช่องทางในการฟอกเงินหรือสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจและเพื่อให้ธุรกรรมต่างๆ ในตลาดทุนและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่ยอมรับในระดับสากลด้วย 

ด้านพลตำรวจตรีปรีชา เจริญสหายานนท์ รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า  ความร่วมมือกันในครั้งนี้ เพื่อรองรับกับสภาวะการเงิน การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยทำให้การ ทำธุรกรรมมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น แต่ก็มีช่องโหว่ของเทคโนโลยี ที่ทำให้มีการกระทำความผิดมากขึ้นด้วยเช่นกันดังนั้น ในฐานะผู้กำกับดูแลกระบวนการยุติธรรมของไทย ทั้ง 3 หน่วยงาน จึงต้องยกระดับความร่วมมือและประสานงานกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อให้มาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายมีมาตรฐานสากลมากขึ้นด้วย 

ด้านพันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้ จะเน้นการปฏิบัติงานเชิงรุกในทุกประเภทความผิดที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. ให้มากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนแลกเปลี่ยนข้อมูลและการหารือระหว่างกัน ตั้งแต่ในชั้นเริ่มต้นก่อนที่คดีจะถึงที่สุด เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดหรืออาชญากรรมในตลาดทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้