กำชับพิเศษ… “บิ๊กปั๊ด” สั่งเข้มตามจับ “ผู้กำกับโจ้” ให้สำเร็จ ย้ำคดีนี้ต้องทำให้เร็ว แต่ไม่ลวก

  • ส่งมือดี “พล.ต.อ.สุชาติ” เป็นผู้ดูแลคดี รวบรวมพยานหลักฐาน
  • พร้อมสั่งการ สตม. บช.ตชด. ให้เฝ้าระวังชายแดนทั้งหมด ดูทุกช่องทางที่อาจหลบหนี
  • ลั่นจะอยู่เมืองไทยหรือที่ไหน ต้องตามจับให้ได้และต้องทำให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคลิปสุดฉาว ที่ทำให้วงการตำรวจไทยต้องสะเทือนอีกครั้ง กับประเด็น “ผู้กำกับโจ้” หรือพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ที่ร่วมกันกับตำรวจอีก 6 นาย ใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมมีการเรียกรับเงินจากผู้ต้องหา กระทั่งในที่สุดผู้ต้องหาขาดอากาศหายใจ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยคดีนี้ศาลได้ออกหมายจับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ พร้อมตำรวจรวม 7 นาย โดยได้ควบคุมตัวแล้ว 4 นาย เหลืออีก 3 นาย ซึ่งหนึ่งในนั้นมี “พ.ต.อ.ธิติสรรค์” รวมอยู่ด้วย

ล่าสุด วันนี้ (25 ส.ค.64) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนได้สั่งการ สตม. บช.ตชด. ให้เฝ้าระวังชายแดนทั้งหมด และประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน ดูทุกช่องทาง ไม่ว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ พร้อมตำรวจนายอื่น จะอยู่เมืองไทยหรือที่ไหน ต้องไปตามจับให้ได้ ซึ่งต้องทำให้ดีที่สุด ต้องเอาให้ได้ ไม่ได้ต้องได้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ยังกล่าวยืนยันด้วยว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ยังไม่ได้ติดต่อกลับมาหาใคร ส่วนจะมีคนช่วยเหลือหรือไม่คนเราคงไม่สิ้นไม้ไร้ตอก

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี มี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้ดูแล โดยตนได้กำชับว่าต้องดำเนินการให้เร็ว แต่ต้องไม่ลวก เดี๋ยวจะกลายเป็นประโยชน์ต่อผู้กระทำผิด ซึ่งพล.ต.อ.สุชาติ เป็นคนละเอียดอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทางศาลจังหวัดนครสวรรค์ ได้อนุมัติออกหมายจับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้  ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวกอีก 6 คน เป็นที่เรียบร้อย โดยตำรวจ 6 นาย ประกอบด้วย

พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง

ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค

ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา

ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว

ด.ต.ศุภกร นิ่มชื่น

ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว

ทั้งนี้สำหรับข้อหาตามหมายจับ มีข้อหาดังนี้

-เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด

-ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด

-ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

-จากกรณีร่วมกันทำร้ายร่างกาย โดยการทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติด ด้วยการใช้ถุงดำคลุมศรีษะเพื่อเรียกเงิน 2 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาเสพยาเกินขนาด