การยาสูบฯ​ พร้อมปรับราคาบุหรี่ตามภาษีใหม่ จ่อออกผลิตภัณฑ์บุหรี่ราคาถูกสู้บุหรี่ต่างชาติ

  • หวั่นบุหรี่เถื่อนทะลักกว่า 20%
  • เล็งตั้งบริษัทลูก​ขายกัญชง​
  • เพิ่มรายได้ชาวไร่ยาสูบ 3-4 เท่าตัว​

วันที่ 28 ก.ย.2564 นายภาณุพล รัตนากาญจนภัทร ผู้ว่าการยาสูบแห่งประเทศไทย(ยสท.)เปิดเผยว่า หากวันที่ 1 ต.ค.นี้ มีการบังคับใช้โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่อีกครั้ง จะส่งกระทบต่อรายได้ของยสท. เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาหลังจากมีการปรับภาษีบุหรี่ปี 2560 ยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 18,000 ล้านมวนต่อปี จากเดิมขายได้กว่า 28,000 ล้านมวนต่อปีดังนั้นเมื่อมีการบังคับใช้โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ ยสท. จะต้องมีการปรับราคาบุหรี่ให้สอดคล้องกับอัตราภาษีใหม่ที่จะเกิดขึ้นจริง โดยจะต้องมีการหารือร่วมกับบอร์ด ยสท. อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามผู้ว่าการยาสูบ ยอมรับว่าจากข่าวการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีการกักตุนบุหรี่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าบุหรี่ยังมีเพียงพอ และไม่ขาดตลาดอย่างแน่นอน ทั้งนี้จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ยอดขายบุหรี่ลดลงไปประมาณ 5%-6% จากยอดขายที่ 18,000 ล้านมวนต่อปี พร้อมยืนยันว่าแม้ที่ผ่านมารายได้ของ ยสท. ลดลง แต่ไม่กระทบกับความมั่นคงของ ยสท. แม้กำไรจะลดลงเหลือ 1,000 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2559 -2560 จะมีกำไรอยู่ที่ 9,400 ล้านบาทก็ตาม

“ส่วนการออกผลิตภัณฑ์บุหรี่ใหม่มาสู้กับตลาดหรือบุหรี่ต่างชาติ อาจเป็นเรื่องยาก เพราะต้องผ่านความเห็นชอบจากหลายฝ่าย เช่น คณะกรรมการพิจารณา ด้านสาธารณสุข รวมถึงสภาพตลาด ที่ต้องไปคุยกับผู้ค้าต่างๆ แต่วันนี้บุหรี่จากต่างประเทศไม่น่ากลัวเท่ากับบุหรี่เถื่อน ที่พบว่ามีการลักลอบนำเข้าสูงมาก หรือเพิ่มขึ้นกว่า 20% จากอดีต เนื่องจากมีราคาถูกกว่าบุหรี่ในประเทศมาก”

นอกจากนี้ ยสท. ได้ร่วมมือกับ บริษัท ซานตาเฟ่ ฟาร์ม แอลแอลซี (สหรัฐอเมริกา) ทำแผนธุรกิจในการพัฒนากัญชง เพื่อหาพืชทดแทนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ หลังจากมีการลดโควตาการรับซื้อใบยาลง โดยมีชาวไร่ที่ได้รับผลกระทบกว่า 14,000 ครัวเรือน คิดเป็น 500,000 ราย ซึ่งขั้นตอนในการร่วมมือหลังจากนี้ จะมีการศึกษาเมล็ดพันธุ์ของกัญชง และพื้นที่ในการเพาะปลูกต่างๆ เพื่อให้สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นจริงได้ เชื่อว่าหลังจากนั้นจะมีสถาบันการเงินที่เข้ามาให้การสนับสนุน

ทั้งนี้ การปลูกกัญชงจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวไร่กว่า 3-4 เท่า จากเดิมปลูกใบยารายได้เฉลี่ย 23,000 บาทต่อไร่ ซึ่งกัญชงสามารถแปรรูปได้หลายรูปแบบ เช่น เสื้อผ้า แบตเตอรี่รถยนต์ เป็นต้น โดยยสท. ยืนยันว่า ยสท. จะไม่นำกัญชง-กัญชา ไปใส่ในบุหรี่ในประเทศแน่นอน และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวไร่ ยสท. มีแนวทางตั้งบริษัทลูก เพื่อเป็นตัวกลางในการขายกัญชงให้กับเกษตรกร

“แม้ตอนนี้ ยสท. ยังไม่ได้อำนาจในการปลูกกัญชง-กัญชา แต่เราจะดำเนินการความร่วมมือไปก่อน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับกฎหมาย  โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรอการอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อย่างไรก็ตามกฤษฎีกาก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้แล้วคาดว่าภายใน 2-3 เดือนนี้จะได้รับการอนุมัติ”