“กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี” เดินหน้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า ประกาศถือหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้าหินกอง

  • เผยการเข้าลงทุนร่วมกับ “ราช กรุ๊ป” ครั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อนโยบายด้านพลังงานของประเทศ
  • พร้อมกันนี้โรงไฟฟ้าหินกองได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. เป็นเวลา 25 ปี

น.ส.ยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าลงทุนในบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (HKH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) และเป็นบริษัทที่ถือหุ้นในบริษัทอื่น (holding company)  ได้แก่บริษัท หินกองเพาเวอร์ จำกัด (HKP) เพื่อพัฒนาและดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง ขนาดกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ตำบลหินกอง จังหวัดราชบุรี โดยบริษัทได้ซื้อหุ้นสามัญของ HKH จาก RATCH ในสัดส่วน 49% ที่ราคา 10 บาทต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับมูลค่าที่ตราไว้ (par value) และได้ชำระค่าหุ้นและรับโอนหุ้น 196,000 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 1,960,000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  

“การเข้าลงทุนร่วมกับ RATCH  ครั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อนโยบายด้านพลังงานของประเทศ เนื่องจากบริษัท และ RATCH มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) จึงสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อที่จะร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าหินกองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นโอกาสที่ดีที่ทั้ง 2 บริษัทจะร่วมกันเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สังคม ชุมชน และสภาพแวดล้อมรอบโครงการ นอกจากนี้โครงการหินกองยังช่วยสร้างการเติบโตของบริษัท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทอีกด้วย” น.ส.ยุพาพิน กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2562 โครงการโรงไฟฟ้าหินกองได้เข้าลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นระยะเวลา 25 ปี โครงการโรงไฟฟ้าหินกองเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก มีขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 1,400 เมกะวัตต์  ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้าหินกองเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ วันที่ 24 ม.ค. 2562 ที่เห็นชอบการจัดหาโรงไฟฟ้าทดแทนและโรงไฟฟ้าใหม่ภาคตะวันตกปี 2567-2568  ให้ทันตามที่ระบุในแผนพัฒนาไฟฟ้าระยะยาว 2561-2580 (PDP2018) เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าไตรเอนเนอร์จี้ (ขนาด 700 เมกะวัตต์) ที่มีกำหนดปลดในปี 2563 กระทรวงพลังงานมีความเห็นว่าควรจัดสรรโรงไฟฟ้าทดแทนในบริเวณพื้นที่เดิมหรือใกล้เคียง โดย RATCH ได้มีหนังสือเสนอขอก่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่ขนาดกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ เนื่องจากมีความพร้อมด้านพื้นที่ สาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว ได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า และช่วยเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้าทางภาคตะวันตกและภาคใต้ ซึ่งกระทรวงพลังงานเห็นว่าควรพิจารณาข้อเสนอของบริษัท RATCH โดยให้สามารถเจรจากับบริษัทถึงกำหนดวันจ่ายไฟให้เหมาะสมสอดคล้องกับแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าสุราษฏร์ธานีของ กฟผ.ปี 2570 และปี 2572 ตามความจำเป็นและเหมาะสม