กังวลปัญหาเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ยักษ์อสังหาฯ จีน ลากเศรษฐกิจโลกพังดาวโจนส์ดิ่งกว่า 540 จุด


.อเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ยอมรับจ่ายหนี้ไม่ได้
.นักวิเคราะห์หวั่นปัญหาลามทุบเศรษฐกิจโลกซ้ำรอยวิกฤตซับไพร์ม
.นักลงทุนเทขายหุ้นกังวลกระทบเศรษฐกิจโลก-เฟดจ่อลดQE ซ้ำเติมความเชื่อมั่น

เมื่อเวลา 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,043.39 จุด ลดลง 541.49 จุด หรือ -1.57% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,708.66 จุด ลดลง 335.31 จุด หรือ -2.23% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,358.60 จุด ลดลง 74.39 จุด หรือ -1.68%

การประกาศผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ทำให้นักวิเคราะห์ส่งสัญญาญเตือนว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เป็นหนึ่งในปัจจัยลบที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงวันนี้ โดยนายแลร์รี เบรนนาร์ด นักวิเคราะห์จากบริษัททีเอส ลอมบาร์ด ระบุว่า การผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะทำให้วิกฤตการณ์ทางการเงินลุกลามออกไปจนอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด ขณะที่บริษัทมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในเดือนนี้ โดยมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2,780 ล้านบาท ในวันที่ 23 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่มีกำหนดครบอายุเดือนมี.ค.2565 และมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,580 ล้านบาท ในวันที่ 29 ก.ย.ของหุ้นกู้ที่ครบอายุเดือนมี.ค.2567

ข้อมูลที่มีการยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์มีตราสารเชิงพาณิชย์มูลค่ารวม 2.057 แสนล้านหยวน (3.2 หมื่นล้านดอลลาร์) หรือราว 1 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 ขณะที่มีการประเมินว่า เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 10 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้นเหนือระดับ 26 ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. นักลงทุนเทขายหุ้นทุกกลุ่ม นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารที่ร่วงลงแรง ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงเช่นกัน ตามการทรุดตัวของราคาน้ำมัน

นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 ก.ย. ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ก่อนสิ้นปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐได้มาถึงจุดที่ไม่มีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากนโยบายเฟดอีกต่อไป

นอกจากนั้น นักลงทุนยังกังวลการลดลงของดัชนีหุ้นสหรัฐ ในเดือน ก.ย. หลังใสัปดาห์ก่อนนักวิเคราะห์เตือนว่า หลังจากปรับตัวขึ้น 7 เดือนติดต่อกัน ขณะนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกำลังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการปรับฐาน สอดคล้องกับ สถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐมักดิ่งลงอย่างหนักในเดือนก.ย. โดยเฉพาะหากเป็นปีแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งทำให้ดัชนี S&P 500 ร่วงลงเฉลี่ย 0.73% ในเดือนก.ย.ของปีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านบวก 1 จุด สู่ระดับ 76 ในเดือนก.ย.หลังจากลดลงต่อเนื่องมา 2 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาไม้ที่ปรับตัวลง