เราได้พูดถึงความสำคัญของการออมเงินผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) ซึ่งเป็นการออมและการลงทุนระยะยาว เพื่อเป้าหมายไว้ใช้ยามเกษียณไปแล้ว
วันนี้ “คุณนายพารวย”จะขอคุยถึงกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) เป็นอีกกองทุนที่นำเงินลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้เพราะรัฐต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมแบบผูกพันระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคตจึงกำหนดให้ถือลงทุนระยะยาว 10 ปีเต็มนับจากวันที่ซื้อ
กองทุน SSF เป็นกองทุนที่เปิดกว้างให้ลงทุนได้ทุกสินทรัพย์เช่นหุ้นหุ้นกู้เงินฝากพันธบัตรรัฐบาลกองREITs ทั้งในและต่างประเทศ ขึ้นกับนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน
สำหรับสิทธิประโยชน์ภาษีนั้น ให้นำเงินลงทุนลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับการออมเพื่อการเกษียณอื่น เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ,กองทุน RMF และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 และกำไรที่ได้จากการลงทุนไม่ต้องเสียภาษีเงินได้!!
แต่หากถือลงทุนไม่ครบ 10 ปีต้องคืนภาษีที่ได้รับการลดหย่อนไปแล้วบวกเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนคล้ายๆค่าปรับโดยเงินเพิ่มนี้จะเริ่มคำนวณตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ของปีที่ยื่นขอลดหย่อนภาษีถึงเดือนที่ยื่นเรื่องกับสรรพากรรวมทั้งต้องนำกำไรที่ได้มาเสียภาษีเงินได้ด้วย
ดังนั้นจึงต้องวางแผนการเงินและตรวจสภาพคล่องให้ดีเพราะเงินที่ลงใน SSF ต้องเป็นเงินที่วางแผนไว้แล้วว่าไม่มีความจำเป็นในการนำมาใช้จ่ายเป็นเวลา 10 ปี แต่เมื่อตัดสินใจที่จะลงทุนเพื่อออมระยะยาวแล้วก็ต้องมุ่งมั่นรักษาเป้าหมายแบ่งเงินมาออมให้ได้ทุกปีแล้ว “ออมลืม “ไปเลยจะได้ไม่ต้องมีเรื่องยุ่งยากตามมา
สำหรับผู้ที่เหมาะสมกับกองทุนนี้น่าจะเริ่มตั้งแต่น้องๆนักศึกษาจบใหม่ที่เริ่มทำงานควรเริ่มได้เลย เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการออมอย่าลืมคาถากันจน “ออมก่อนรวยกว่า” เริ่มออมตั้งแต่วันนี้ก็เห็นโอกาสมั่งคั่งตั้งแต่วันนี้ !!
แต่ผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปีอาจต้องวางแผนการเงินให้ดีหากซื้อหน่วยลงทุนตอนอายุ 55 ปีจะไถ่ถอนได้เมื่ออายุ 65 ปี แต่ถ้าไม่เดือดร้อนและต้องการมีเงินเข้ามาหลังเกษียณก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ!!
เมื่อพูดถึงกองทุน SSF แล้ว ต้องพูดถึงกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) ที่ตั้งขึ้นตามมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุน ต่างจาก SSF คือ ให้นำเงินลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้เพิ่มอีกไม่เกิน 200,000 บาท โดยไม่ต้องนําไปรวมกับเงินออมเพื่อการเกษียณอื่น ที่ได้ลดหย่อน 500,000 บาทอยู่แล้ว
และกองทุน SSFX ต้องลงทุนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ โดยเปิดให้ซื้อหน่วยลงทุนได้แต่ 1 เม.ย.ถึง 30 มิ.ย.63เท่านั้นซึ่ง 2 สัปดาห์นี้จึงเป็นโค้งสุดท้ายที่ต้องตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม การลดหย่อนภาษีเป็นเป้าหมายหนึ่ง แต่ด้วยเงื่อนไขการลงทุนที่ยาวขึ้น จึงต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับแผนการเงินของตนเอง ส่วน SSF นั้น ยังมีเวลาซื้อได้ตลอดทั้งปีและทุกปี เพราะได้สิทธิลดหย่อนภาษีไปจนถึงปี67โน่นเลย!!
ขอบคุณที่มา หน้าเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ