กสิกรไทย แนะร้านค้าใช้ QR รับเงินสะดวกดันยอดขาย คาดเงินสะพัดจากยอดนักท่องเที่ยวเข้าไทย 28 ล้านคน 

  • สร้างเม็ดเงินสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องราว 1.44 ล้านล้านบาท
  • เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้กับร้านค้า จากนักท่องเที่ยว
  • เพื่อให้ทุกการรับ-จ่ายเงินเป็นไปอย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากที่สุด

นางสาวศิริพร วงศ์ตรีภพ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ทิศทางการท่องเที่ยวได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่เพิ่งฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด และในปีนี้จากการที่จีนเปิดประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องในไทย ได้รับอานิสงส์กลับมาคึกคักหลังจากที่ซบเซามานาน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับคาดการณ์นักท่องเที่ยวในปี 2566 นี้เพิ่มจากเดิมเป็น 28 ล้านคน สร้างเม็ดเงินสู่ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องราว 1.44 ล้านล้านบาท 

ในส่วนของพฤติกรรมการใช้จ่ายพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการใช้จ่ายแบบไร้สัมผัสหรือ Contactless เป็นอย่างดี เพราะมีความสะดวกสบายกว่าการใช้เงินสดจนกลายเป็น New Normal หลังยุคโควิด สอดคล้องกับข้อมูลของธนาคารที่พบว่าปี 2565 จำนวนรายการธุรกรรมผ่าน QR Payment เติบโตกว่า 238% จากปี 2564 สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไร้เงินสดกลายเป็นเรื่องปกติของคนไทย และได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศในเอเชียที่มีความคุ้นเคยกับการสแกน QR ชำระเงิน ดังนั้นหากร้านค้าให้บริการรับชำระด้วย QR ก็จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากกว่า  

ดังนั้นเพื่อสนับสนุนให้ร้านค้ามีความพร้อมในการรองรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัสแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาไทย ธนาคารจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ส่งเสริมให้การใช้จ่ายแบบไร้สัมผัสเป็นไปอย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากที่สุด ได้แก่ รองรับการสแกน QR จากโมบายแบงกิ้งของนักท่องเที่ยว ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และกัมพูชา (Cross-Border QR Payment) ผ่านแอปพลิเคชัน K SHOP และเครื่องรูดบัตรกสิกรไทย (EDC) ซึ่งเริ่มให้บริการในปี 2565 ที่ผ่านมาและได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เนื่องจากสะดวก ปลอดภัย อัตราแลกเปลี่ยนดี และไม่มีค่าธรรมเนียม ทางด้านร้านค้าที่รับชำระก็ไม่เสียค่าธรรมเนียมในการให้บริการ และคาดการณ์ว่าปี 2566 นี้ปริมาณการทำรายการจะเติบโตขึ้นถึง 2 เท่า โดยธนาคารมีแผนจะขยายการรับชำระเงินผ่านโมบายแบงกิ้งของนักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ ต่อไปในอนาคต

การรับชำระด้วย Union Pay, Alipay และ WeChat Pay ผ่านแอปพลิเคชัน K SHOP และเครื่องรูดบัตรกสิกรไทย (EDC) จากร้านค้ากว่า 300,000 ร้านค้า เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหลักที่เดินทางมาเที่ยวไทย โดยคาดว่าในปีนี้น่าจะมีรายการรับชำระผ่าน UnionPay, Alipay และ  WeChat Pay  เติบโตกว่า 5.5 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2565  

บริการอื่นๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ยังต้องการความมั่นใจในการพกเงินสดติดตัว หรือนักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ ในโซนยุโรปหรืออเมริกา ธนาคารมีร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิตรองรับทั่วประเทศ รวมถึงตู้ถอนเงินสดกว่า 10,310 จุด และบูธแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX Booth, FX Machine) เปิดให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และสาขารวม 800 จุด พร้อมรถแลกเงินเคลื่อนที่ และขยายบูธแลกเงินในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ห้างสรรพสินค้าเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติม 

หลังยุคโควิคประเทศไทยก็ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ประกอบกับเศรษฐกิจไทยมีการพึ่งพารายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวค่อนข้างสูง จึงคาดว่าการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาคึกคักได้เหมือนช่วงก่อนโควิด ดังนั้นร้านค้าควรเตรียมความพร้อมเพื่อคว้าโอกาสจากนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามา 

นางสาวศิริพรกล่าวทิ้งท้ายว่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่วางแผนเดินทางไปต่างประเทศ ธนาคารมีทางเลือกในการชำระเงินเพื่อช่วยให้การท่องเที่ยวสะดวกสบาย เช่น การใช้ K PLUS สแกนจ่าย ณ ร้านค้าเครือข่าย UnionPay ที่มีกว่า 40 ล้านร้านค้า ในกว่า 40 ประเทศ/ภูมิภาคทั่วโลก เช่น จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา รวมถึงบัตรที่ใช้จ่ายได้ทั่วโลกโดยไม่ชาร์จ 2.5% อย่างเช่นบัตรเดบิต Journey ที่ใช้จ่ายได้ทุกสกุลเงิน ใช้บริการห้องรับรอง Miracle Lounge ฟรี และบัตร YouTrip ที่สามารถแลกเงินล่วงหน้าได้ 10 สกุลเงิน ใช้จ่ายได้กว่า 150 สกุลเงิน เพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวที่จะถึง