“กรมส่งเสริมสหกรณ์” สานต่อปณิธาน ร.9 มอบทุนการศึกษาสานต่ออาชีพพระราชทาน “เลี้ยงโคนม”

  • เพื่อให้บุตรหลานสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม
  • มีโอกาสได้เข้าเรียนในสาขาวิชาด้านปศุสัตว์
  • เพื่อนำความรู้เทคโนโลยีนวัตกรรมมาพัฒนาฟาร์มตนเอง
  • สานต่ออาชีพเลี้ยงโคนมของครอบครัว

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการความร่วมมือทางการศึกษาเพื่อสานต่ออาชีพการเลี้ยงโคนม ซึ่งเป็นอาชีพพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทางกรมฯได้จัดสรรงบประมาณจากดอกผลกองทุนพัฒนาสหกรณ์เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีให้กับบุตรหลานสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม ได้เข้าเรียนในสาขาวิชาด้านปศุสัตว์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับอาชีพเลี้ยงโคนมตลอดหลักสูตร เพื่อจะได้นำความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรม มาพัฒนาฟาร์มและการบริหารจัดการธุรกิจสหกรณ์โคนม กลับมาประกอบอาชีพต่อในฟาร์มโคนมของครอบครัว หรือกลับไปทำงานให้กับสหกรณ์โคนมที่ให้ทุนการศึกษา เพื่อจะได้ช่วยพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคนมและธุรกิจของสหกรณ์โคนมให้เจริญก้าวหน้าและมีความเข้มแข็งในอนาคต 

สำหรับระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี คือ ปีการศึกษา 2563-2565 โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน .นครปฐม จัดทำกรอบการดำเนินงาน ระเบียบ ขั้นตอนในการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่บุตรหลานสมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม และลงนามบันทึกข้อตกลงกับทั้ง 2 มหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 55-65 ปี และมีความต้องการอยากให้ลูกหลานกลับมาสืบทอดอาชีพการเลี้ยงโคนม 

ขณะเดียวกันในส่วนของสหกรณ์โคนมก็ยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาส่งเสริมให้กับฟาร์มโคนมของสมาชิก ดังนั้นทางกรมฯจึงตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความมั่นคงในอาชีพการเลี้ยงโคนม จำเป็นต้องสร้างคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นบุตรหลานของสมาชิกสหกรณ์ เข้ามาสานต่ออาชีพ และเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาสหกรณ์โคนมให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตามขณะนี้มีผู้สนใจสมัครขอรับทุนแล้ว 15 ราย และคาดว่าโครงการนี้จะได้รับการตอบรับจากสมาชิกสหกรณ์ และลูกหลานสมาชิกสหกรณ์โคนมเป็นอย่างดี และหวังว่าความร่วมมือจะไม่จบแค่ 3 ปีเท่านั้น โดยกรมฯพร้อมจัดสรรเงินเพื่อสนับสนุนทุนการศึกษา และสานต่อโครงการนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อให้ลูกหลานสมาชิกสหกรณ์ได้มีโอกาสเรียนต่อ และอาจจะมีการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อนำไปแนะนำแก่สมาชิกสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมต่อไป