กรมศุลกากร เปิดประมูลรถหรูกว่า 200 คัน ผ่านออนไลน์และยกป้ายหน้าลานด้วยกันครั้งแรก

  • ป้องกันปัญหาผู้มีอิทธิพลอย่างที่ผ่านมา
  • คาดมีรายได้เข้ารัฐ ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท
  • หากนำรถจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกไม่ได้ยินดีรับคืน

นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวในการแถลงข่าวการกำหนดจัดงานประมูลรถของกลาง ประจำปี 2563 โดยวิธีการประมูลด้วยวาจา (ยกป้ายหน้าลาน) และระบบประมูลออนไลน์ ว่า กรมศุลกากรจะจัดให้มีการประมูลรถของกลาง ประจำปี 2563 จำนวนกว่า 200 คัน ซึ่งเป็นการเปิดประมูลรถของกลางครั้งแรกในรอบ 3 ปี ทั้งนี้จะจัดให้มีการประมูลด้วยวาจา(ยกป้ายหน้าลาน) และระบบประมูลออนไลน์ คือ ระบบ SIA Real-time online Auction System ซึ่งสามารถรองรับการประมูลสำหรับผู้เข้าประมูลจำนวนมาก ในคราวเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของกรมศุลกากรที่เปิดประมูลด้วย 2 วิธีแบบนี้  โดยการประมูลจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 8 ส.ค. 2563 ณ ลานจอดรถหน้าส่วนของกลาง กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร คลองเตย โดยมอบหมายให้ บริษัท สยามอินเตอร์การประมูล จำกัด (SIA) เป็นผู้ดำเนินการตั้งแต่เวลา 08.30 น.เป็นต้นไป 

สำหรับรถยนต์ในกลุ่มซูเปอร์คาร์ ที่น่าสนใจ อาทิ เฟอร์รารี่ แคลิฟอร์เนีย (Ferrari California) ราคามือสองอยู่ที่ 13 ล้านบาท , โพร์เช พานาเมรา เทอร์โบ (Porsche Panamera Turbo) ราคามือสองอยู่ที่ 14-15 ล้านบาท เบนท์ลีย์ (BENTLEY) ราคามือสองอยู่ที่ 20 ล้านบาท เป็นต้น อย่างไรก็ตามราคาประมูลจะตั้งจากราคาจริงของรถยนต์ประมาณ 20% เท่านั้น เพื่อให้มีการไล่ราคาในการเสนอราคาประมูลผ่านทั้งในระบบออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้างความเป็นธรรม และป้องกันปัญหาผู้มีอิทธิพล ที่สร้างความเกรงใจในการประมูลหน้างานได้  โดยมีรถหรูในการประมูลครั้งนี้รวมทุกยี่ห้อกว่า 10 คัน  

“การประมูลรถยนต์จะเป็นไปตามสภาพ  บางคันใช้เวลาในการดำเนินคดียาวนานถึง 5 ปี จึงมีโอกาสที่รถยนต์คันนั้น อาจสตาร์สตาร์ทไม่ติดได้  ซึ่งผู้ประมูลก็ต้องรับสภาพและนำไปซ่อมบำรุงต่อไป  อย่างไรก็ตามรถยนต์ของกลางจำนวน 200 คัน แบ่งเป็น ราคาเริ่มต้นประมูลต่ำกว่า 500,000 บาท จำนวนทั้งสิ้น 75 คัน ราคาเริ่มต้นประมูล 500,000 บาท -1.5 ล้านบาท จำนวน 90 คัน ราคาประมูลตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 35 คัน” 

ทั้งนี้การประมูลรถของกลางของกรมศุลกากรในครั้งนี้ เป็นการเปิดประมูลด้วยวาจา (ยกป้ายหน้าลาน) และประมูลผ่านระบบออนไลน์ในคราวเดียวกัน จะทำให้ผู้เข้าประมูลได้รับความสะดวก ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สามารถประมูลได้ทุกที่และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 และคาดว่าการประมูลครั้งนี้จะมีรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท

สำหรับผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมประมูล สามารถเริ่มลงทะเบียนออนไลน์ และชำระเงินมัดจำป้าย(เงินค้ำประกันการประมูล) พร้อมทั้งดูรายละเอียดรถ และชมคลิปรีวิว รวมถึงขั้นตอนการประมูลต่าง ๆ ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2563 จนถึงวันประมูล ได้ที่ https://customsauction.sia.co.th ของบริษัท สยามอินเตอร์การประมูล ส่วนใครสนใจชมสภาพรถจริง สามารถเข้าชมได้ ตั้งแต่วันที่ 5 – 7 ส.ค.2563 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. ณ ลานจอดรถหน้าส่วนของกลาง กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร คลองเตย  

“กรมศุลกากร ได้ส่งรายละเอียดรถยนต์ของกลาง จำนวน 200 คันที่ประมูลทั้งหมดกับกรมการขนส่งทางบกแล้ว โดยขอยืนยันว่ารถยนต์เหล่านี้สามารถจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกได้  หากเกิดกรณี ประมูลรถยนต์ไปแล้ว และไม่สามารถจดทะเบียนกับกรมการขนส่งได้  เนื่องจากเป็นรถจดประกอบ หรือกรมการขนส่งทางบกปฏิเสธการจดทะเบียน  ผู้ที่ประมูลสามารถนำรถเหล่านี้มาคืนได้ภายใน 5 เดือนนับจากวันประมูล โดยกรมศุลกากรจะคืนเงินให้เต็มจำนวน”

ด้านนายสิทธิศักดิ์ มหาสิทธิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท สยามอินเตอร์การประมูล จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทฯ มีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับกรมศุลกากร และจะใช้ประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนานในธุรกิจการประมูลมากกว่า 16 ปี ซึ่งมียอดขายในการประมูลมากกว่า 300,000 รายการอย่างเต็มความสามารถ

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมประมูล จะต้องวางเงินค่ามัดจำป้าย (เงินค้ำประกันการประมูล) ตามจำนวนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ต้องการประมูล โดย 1 ป้ายประมูล สามารถประมูลรถได้ 1 คันเท่านั้น อาทิ รถของกลางที่ราคาเปิดประมูล ต่ำกว่า 500,000 บาท ต้องวางเงินค่ามัดจำป้าย คันละ 50,000 บาท รถของกลางราคาเปิดประมูลตั้งแต่ 500,000-1.49 ล้าน บาท ต้องวางเงินค่ามัดจำป้าย คันละ 100,000 บาท และรถของกลาง ราคาเปิดประมูลตั้งแต่ 1,500,000 บาท ต้องวางเงินค่ามัดจำป้าย คันละ 200,000 บาท