“กรมศุลกากร” เตรียมเพิ่มช่องทาง บริการผู้ประกอบการชำระภาษีอากร

  • จับมือออมสิน-กรุงศรี-บิ๊กซี จ่ายได้ทั่วไทย
  • ชี้ลดต้นทุนค่าเดินทางปีละ 286ล้านบาท
  • จ่อดึงผู้ประกอบรายใหญ่ใช้ระบบ e-Bill Payment

นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร และโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า การนำระบบการรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ่านธนาคาร หรือตัวแทนรับชำระ (e-Bill Payment)​ มาใช้รองรับการรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์นั้น  เพื่อให้ผู้ประกอบการ สามารถชำระเงินค่าภาษีอากรผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารและตัวแทนรับชำระที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั่วไทย

” ปัจจุบัน มีธนาคารเข้าร่วมโครงการ  e-Bill Payment ในระยะแรก 4 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ และมีตัวแทนรับชำระที่เข้าร่วมโครงการ คือ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด หรือ 7- eleven” 

อย่างไรก็ตามในวันที่ 27 ส.ค.62 นี้ กรมฯจะจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง การให้บริการรับชำระค่าภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์ (Bill Payment) ผ่านช่องทางการให้บริการของธนาคารและตัวแทนรับชำระ ระหว่างกรมศุลกากร กับธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บิ๊กซีซุปเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด และจะทำความตกลงกับธนาคารและตัวแทนรับชำระอื่นๆ ต่อไปในอนาคต อาทิ ธนาคารธนชาต ธนาคารแบงก์ ออฟ ไชน่า เป็นต้น

ด้านนายกรีชา เกิดศรีพันธุ์ รองโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า ผู้ชำระอากรสามารถใช้ใบขนสินค้าที่มี QR Code หรือ  บาร์โค้ด(Barcode)​ หรือเลขที่อ้างอิง ไปชำระผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคาร ได้แก่ Internet Banking, ATM และเคาน์เตอร์ธนาคาร เป็นต้นรวมทั้งยังสามารถพิมพ์ใบเสร็จรับเงินได้ด้วยตนเอง ผ่านระบบ e-Tracking ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้เช็คธนาคาร และการเดินทางเพื่อมาติดต่อราชการกับกรมศุลกากร ได้ถึง 334.37 บาท ต่อ 1 ใบขนสินค้า หรือปีละ 286 ล้านบาท

” ในจำนวนผู้ที่ยังชำระอากรผ่านระบบแคชเชียร์เช็ค ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยเฉพาะที่มีมูลค่านำเข้า และส่งออกรวมกันมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งกรมศุลกากรได้ประสานเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบรายเหล่านั้นแล้ว และจะนัดหมายพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ เพื่อเร่งให้เข้าสู่ระบบ e-Bill Payment โดยเร็ว”