นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 11 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ย.) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.6% โดยการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง 39.9% กลุ่มเบนซินลดลง 9.3% กลุ่มดีเซลลดลง 5.0% น้ำมันก๊าดลดลง 6.2% อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 14.7% LPG เพิ่มขึ้น 7.7% สำหรับการใช้ NGV ลดลง 19.6%
ทั้งนี้การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเดือน ม.ค.-พ.ย. 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 28.59 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 9.3%) โดยปริมาณการใช้กลุ่มแก๊สโซฮอล์ลดลงมาอยู่ที่ 27.94 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 9.1%) การใช้แก๊สโซฮอล์ 91 แก๊สโซฮอล์ 95 แก๊สโซฮอล์ อี20 และแก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 6.82 ล้านลิตร/วัน 14.67 ล้านลิตร/วัน 5.69 ล้านลิตร/วัน และ 0.76 ล้านลิตร/วัน ตามลำดับ สำหรับการใช้น้ำมันเบนซินลดลงมาอยู่ที่ 0.66 ล้านลิตร/วัน
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาการใช้กลุ่มเบนซินเฉพาะเดือนพ.ย. 2564 พบว่า การใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30.53 ล้านลิตร/วัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (เดือนต.ค. 2564 อยู่ที่ 28.56 ล้านลิตร/วัน) (เพิ่มขึ้น 6.9%) โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของทุกชนิดน้ำมัน เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์และสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้นในช่วงต้นเดือนพ.ย. 2564 โดยมีการปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดลดลงจาก 23 จังหวัด เป็น 7 จังหวัด (มีผล 1 พ.ย. 2564) และลดเหลือ 6 จังหวัด (มีผล 16 พ.ย. 2564)
สำหรับการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเดือน ม.ค.-พ.ย. 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 61.84 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 5.0%) สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 การใช้ลดลงมาอยู่ที่ 37.32 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 15.0%) น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค. 2562 ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.55 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้ 1.05 ล้านลิตร/วัน
ทั้งนี้สำหรับการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเฉพาะเดือน พ.ย. 2564 อยู่ที่ 71.87 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. 2563 (เพิ่มขึ้น 3.5%) เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้พบว่า ปริมาณการใช้ดีเซลหมุนเร็ว บี7 เพิ่มขึ้นจาก 42.79 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 54.35 ล้านลิตร/วัน สวนทางกับการใช้ดีเซลหมุนเร็วธรรมดาที่ลดลงจาก 23.55 ล้านลิตร/วัน มาอยู่ที่ 9.88 ล้านลิตร/วัน โดยเป็นผลจากส่วนต่างราคาบี7 – บี10 ที่ลดลงมาอยู่ที่ 0.15 บาท/ลิตร
การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 4.48 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลงร้อยละ 39.9) เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนส่งผลให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กำหนดให้ผู้โดยสารที่บินเข้าประเทศไทยจาก 8 ประเทศ (บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แอฟริกาใต้ ซิมบับเว) ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 2564 ต้องเข้ากระบวนการกักตัว 14 วัน และตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ห้ามผู้โดยสารดังกล่าวเข้าประเทศไทย (มีผล 28 พ.ย. 2564)
การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 16.50 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (เพิ่มขึ้น 7.7%) เนื่องจากการใช้ในภาคปิโตรเคมีที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 7.32 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น 20.4%) และการใช้ในภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่1.86 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น 11.6%) สำหรับภาคครัวเรือนมีการใช้อยู่ที่ 5.61 ล้านกก./วัน (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.5) อย่างไรก็ตาม การใช้ในภาคขนส่งลดลงมาอยู่ที่ 1.71 ล้านกก./วัน (ลดลง 16.3%)
การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 3.11 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 19.6%) โดยเป็นผลจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับจำนวนสถานีบริการและรถ NGV ที่ลดลง
นางสาวนันธิกา กล่าวว่า สำหรับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเดือน ม.ค.-พ.ย. 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 878,335 บาร์เรล/วันลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 2.0%) โดยการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 844,811 บาร์เรล/วัน (ลดลง 0.9%) สวนทางกับมูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 58,035 ล้านบาท/เดือน(เพิ่มขึ้น 54.9%) สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) ลดลงมาอยู่ที่ 33,523 บาร์เรล/วัน (ลดลง 24.7%) คิดเป็นมูลค่าการนำเข้า 2,180 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น 13.6%) มูลค่าการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
ด้านการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเดือน ม.ค.-พ.ย. 2564 เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ไบโอดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 204,822 บาร์เรล/วัน (เพิ่มขึ้น10.8%) คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 15,085 ล้านบาท/เดือน (เพิ่มขึ้น 84.3%)
