กรมชลประทาน พร้อมรับมือฝนทิ้งช่วง เตรียมเก็บน้ำในเขื่อนให้มากที่สุด

กรมชลประทาน พร้อมรับมือฝนทิ้งช่วง เตรียมเก็บน้ำในเขื่อนให้มากที่สุด ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมอุปกรณ์กักเก็บน้ำไว้ใช้

  • เน้นบริหารจัดการน้ำอย่างประณีต
  • แจ้งประชาชนเตรียมอุปกรณ์หรือสถานที่
  • ใช้ในการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฝนทิ้งช่วง

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 40,772 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 53 ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 35,564 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 11,852  ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกประมาณ 13,019 ล้าน ลบ.ม.

ทั้งนี้จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา วันที่  29 พ.ค. – 4 มิ.ย. 66 ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้นทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ กรมชลประทาน ได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศทำการติดป้ายประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน เฝ้าระวังอันตรายแก่ประชาชนที่เล่นน้ำบริเวณคลองชลประทาน พร้อมติดตามสภาพอากาศและสภาพฝนอย่างใกล้ชิด และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนกำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนอย่างประณีตและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมอ่างเก็บน้ำ อาคารชลประทาน

พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมอุปกรณ์หรือสถานที่เพื่อใช้ในการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฝนทิ้งช่วงให้ได้มากที่สุด เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2566 ที่กรมชลประทานกำหนดไว้ ได้แก่ 1.จัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศให้เพียงพอตลอดทั้งปี 2.บริหารจัดการน้ำท่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3. ส่งเสริมให้เกษตรกรใช้น้ำฝนเป็นหลักในการเพาะปลูก 4.กักเก็บน้ำในเขื่อน รวมไปถึงแหล่งน้ำต่าง ๆ ให้มากที่สุด 5.วางแผนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 ของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ปริมาณน้ำที่มีอยู่เพียงพอสำหรับทุกกิจกรรม และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด