กรมชลประทานช่วยเกษตรกรว่างงานเดินหน้าจ้างงานเพิ่มหลังโควิดทำพิษ

เกษตรกรทั่วประเทศแห่สมัครเป็นแรงงานชลประทานกว่า 28,600 คน ตามโครงการสร้างรายได้ บรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 พร้อมเดินหน้าจ้างอย่างต่อเนื่อง หาก ครม.มีมติต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมอบหมายให้กรมชลประทานจัดทำโครงการจ้างแรงงานชลประทาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและการระบาดของโควิด-19 โดยรัฐบาลอนุมัติงบประมาณ 4,497.59 ล้านบาท ซึ่งสามารถจ้างแรงงาน 88,838 คนนั้น จากการเปิดรับสมัครทั่วประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา มียอดสะสมการจ้าง 28,623 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของแผน โดยใช้วงเงิน 330.47 ล้านบาท จังหวัดที่มีผลการจ้างแรงงานมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ เชียงใหม่ 2,255 คน สุพรรณบุรี 1,487 คน และนครพนม 1,481 คน

ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบถึงโครงการดังกล่าว เพื่อช่วยสร้างรายได้ในการเลี้ยงครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก ครม.มีมติใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินต่ออีก 1 เดือน ขณะนี้ยังสามารถจ้างได้อีกประมาณ 60,000 คน หลักเกณฑ์ คือ ต้องเป็นเกษตรกรและสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่โครงการชลประทานที่ว่าจ้าง นอกจากนี้ ยังขยายการจ้างประชาชนและผู้ใช้แรงงานทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากมีผู้ที่ถูกเลิกจ้างและแรงงานคืนถิ่นจำนวนมาก และหากแรงงานในพื้นที่ต้องการน้อยกว่าเป้าหมายสามารถจ้างเกษตรกร/แรงงานพื้นที่ใกล้เคียงจากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และลุ่มน้ำตามลำดับ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง โดยจังหวัดที่มีผลการจ้างแรงงานมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ เชียงใหม่ 2,255 คน สุพรรณบุรี 1,487 คน และนครพนม 1,481 คน  

นายศักดิ์ศิริ อยู่สุข ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 กล่าวถึงความก้าวหน้าของโครงการในพื้นที่รับผิดชอบ 5 จังหวัด คือ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด ว่า ได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับจ้างแรงงานเกษตรกรประมาณ 280 ล้านบาท สามารถจ้างแรงงานเกษตรกรไม่น้อยกว่า 7,000 ราย ปัจจุบันทั้ง 5 จังหวัด จ้างแรงงานไปแล้วกว่า 4,300 ราย คิดเป็นร้อยละ 58 ของจำนวนแรงงานเกษตรกรที่จ้าง จังหวัดที่มีการจ้างแรงงานเกษตรกรมากที่สุดขณะนี้ คือ ร้อยเอ็ดและมหาสารคาม ซึ่งจ้างแรงงานเกษตรกรมากกว่าร้อยละ 95 ส่วนชัยภูมิ ขอนแก่น และกาฬสินธุ์จ้างไปแล้วกว่าร้อยละ 50

สำหรับงานตามโครงการ ได้แก่ ปฏิบัติงานซ่อมแซม บำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุงงานชลประทาน ก่อสร้างแหล่งน้ำ ระบบส่งน้ำเพื่อชุมชน แก้มลิง การจัดการคุณภาพน้ำและโครงการป้องกันและบรรเทาภัยจากน้ำซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมรับน้ำ เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งกรมชลประทานห่วงใยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและ COVID-19 จึงมีมาตรการช่วยเหลือให้มีรายได้ ทั้งนี้ เกษตรกรที่สมัครทำงานจะได้รับค่าจ้างวันละ 377.85 บาท หรือประมาณเดือนละ 8,000 บาท ระยะเวลาการจ้างงาน 3-7 เดือน รายได้ตลอดระยะเวลาการจ้างแรงงานอยู่ระหว่าง 24,000-56,000 บาท/คน ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและระยะเวลา 

นายนิรันดร์ ครูมนตรี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า มารับจ้างแรงงานชลประทาน เนื่องจากโรงงานที่กรุงเทพฯ เลิกจ้างพนักงาน จึงกลับมาทำการเกษตรอยู่ที่บ้านเกิด หลังจากผ่านการกักตัวครบ 14 วันแล้ว จึงมาสมัครทำงานกับโครงการชลประทานร้อยเอ็ด ทำให้มีรายได้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายจุนเจือครอบครัวในช่วงที่ตกงาน   ส่วนนายวัฒนา ปิตฝ่าย  ชาวจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะตรวจคัดกรองอุณหภูมิร่างกายก่อนทำงานทุกวัน สวมหน้ากากอนามัย พร้อมจัดเจลล้างมือไว้อย่างเพียงพอ นอกจากนี้ยังกำชับให้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่เครื่องจักร เครื่องมือ รวมถึงควบคุมให้เว้นระยะห่างในระหว่างปฏิบัติงานอีกด้วย ทำให้เกิดความสบายใจในมาตรการป้องกันสุขอนามัย 

ทั้งนี้ กรมชลประทานยังคงเปิดรับสมัครจ้างแรงงานอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ หากเกษตรกรหรือประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามไปยังโครงการชลประทานใกล้บ้านหรือติดต่อสอบถามได้ทางสายด่วนกรมชลประทาน หมายเลข 1460