กรมควบคุมโรค เตือน “โรคชิคุนกุนยา ” ระบาดใน 62 จังหวัด

  • โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา กำลังระบาดหนัก
  • ปี 63 มีผู้ป่วยแล้ว 4,307 ราย ใน 62 จังหวัด ไม่มีผู้เสียชีวิต
  • 5 จังหวัดแรกคือ จันทบุรี รองลงมาคืออุทัยธานี ลำพูน ตราด และระยอง

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา ในปี 2563 พบผู้ป่วยแล้ว 4,307 ราย จาก 62 จังหวัด ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คืออายุ 25-34 ปี รองลงมาคือ 35-44 ปี และ 45-54 ปี ตามลำดับ ภาคที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด คือ ภาคกลาง รองลงมาคือภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามลำดับ จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรกคือ จันทบุรี รองลงมาคืออุทัยธานี ลำพูน ตราด และระยอง ตามลำดับ โดยจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบการรายงานผู้ป่วยรายใหม่ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี

สำหรับการพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคไข้ปวดข้อยุงลายเพิ่มขึ้น จากการพบผู้ป่วยกระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนในหลายจังหวัด ซึ่งปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยโรคนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะพื้นที่ภาคใต้ สามารถพบผู้ป่วยในภาคอื่นๆ ได้เช่นกันประกอบกับยังมีฝนตกในหลายพื้นที่ต่อเนื่อง ทำให้เอื้อต่อการเกิดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายได้ โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา เป็นโรคติดต่อนำโดยแมลง มียุงลายเป็นพาหะ ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการไข้สูง ปวดข้อ ข้อบวมหรือข้ออักเสบร่วมกับมีอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีผื่นหรืออ่อนเพลีย

ทั้งนี้การป้องกันโรคที่ดีที่สุด คือ การจัดการสิ่งแวดล้อมภายในบ้านและนอกบ้าน ด้วยมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ เก็บบ้าน เก็บขยะ และเก็บน้ำ เพื่อกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ซึ่งเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา และโรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา นอกจากนี้ ควรป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัด ด้วยการทายากันยุง กำจัดยุงในบ้าน และการนอนกางมุ้ง กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า สถานพยาบาลที่แม้ไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ควรมีการเฝ้าระวังโรคไข้ปวดข้อยุงลาย เนื่องจากยุงลายซึ่งเป็นพาหะนำโรคสามารถพบได้ทุกจังหวัด โดยการคัดกรองผู้ป่วยที่มาด้วยอาการ ไข้ ปวดข้อ มีผื่น หรือมีอาการคล้ายไข้เลือดออกแต่เกล็ดเลือดอยู่ในระดับปกติ และเมื่อพบผู้ป่วยควรรายงานผู้สงสัยหรือผู้ป่วยต่อหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อดำเนินการควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422”