กรมควบคุมโรค ยืนยัน ประเทศไทยยังไม่พบโควิด 19 สายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB

  • ขณะนี้ เป็น “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.5
  • เน้นย้ำประชาชนฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนด
  • สามารถใช้ชีวิตป้องกันตนเองตามปกติ

 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานข่าวในต่างประเทศได้มีการตรวจพบโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนตัวใหม่ สายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB โดยระบุว่าสามารถแพร่เชื้อได้เร็วนั้น กรมควบคุมโรค ขอยืนยันว่าประเทศไทยยังไม่พบโควิด 19 สายพันธุ์ BQ.1.1 และจากการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่า ยังไม่มีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทย โดยปัจจุบันสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 ซึ่งแนวโน้มสอดคล้องกับทั่วโลกที่มีการระบาดของสายพันธุ์ BA.5 เป็นสายพันธุ์หลัก

“แม้ในขณะนี้มีแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ลดลง ประกอบกับในหลายพื้นที่มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่ยังคงมีมาตรการที่สำคัญ โดยเน้นมาตรการทางสังคมที่สมดุลกับชีวิตวิถีใหม่ คือ มาตรการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่เสี่ยง ล้างมือ เว้นระยะห่าง หากติดเชื้อโควิด 19 ให้รักษาตามอาการ ถ้าไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ให้กินยาตามอาการ และแยกตัวเอง 5 วัน หากจำเป็นต้องเดินทางหรือไปทำงาน ให้สวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น หากมีอาการมากขึ้นให้ไปพบแพทย์ และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังเป็นตัวช่วยที่ลดความรุนแรงของโรคได้” นายแพทย์ธเรศ กล่าว

 นอกจากนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ไฟเซอร์ฝาสีแดง สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 4 ปี โดยประชาชนสามารถพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนได้ที่หน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้าน และขอยืนยันว่า การให้บริการฉีดวัคซีนได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผ่านคณะกรรมการด้านวิชาการ คือ คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ทั้งนี้ การเข้ารับวัคซีนต้องเป็นไปตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก โดยการรับวัคซีนไม่เป็นเงื่อนไขในการไปโรงเรียน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422