“กรณ์”ตอบชัดๆเห็นด้วยฟื้นฟูการบินไทยแต่ควรให้ผู้บริหาร-ผู้ถือหุ้น-เจ้าหนี้มีส่วนช่วยมากกว่าเอาภาษีประชาชนมาถม

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ได้โพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัว ” Korn Chatikavanij – กรณ์ จาติกวณิช” ถึงการที่รัฐบาลจะเข้ามาช่วย บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)เพื่อฟื้นฟูกิจการนั้น เห็นด้วยกับกับการฟื้นฟูการบินไทย แต่การบินไทยต้องปรับสู่ New Normal แต่หากรัฐบาลจะเอาเงินภาษีประชาชนมาอุ้ม กลับมองว่าไม่เหมาะสม…โดยเนื้อหาของการโพสต์ระบุว่า

#การบินไทย ต้องปรับสู่ New Normal 

ผมเห็นด้วยกับกับการฟื้นฟูการบินไทยให้เป็น ‘บริษัทชั้นนำ’ ของประเทศ
แต่หากจำเป็นต้องอุ้มด้วยเงินภาษี ข้อแลกเปลี่ยนคือ 
1. การบินไทย ต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ 
2. ผู้ถือหุ้น และเจ้าหนี้เดิม ต้องแบ่งรับภาระความเสียหาย เงินภาษีที่จะใช้ ต้องมีสิทธิเหนือเงินส่วนอื่นทั้งหมดในบริษัท

ก่อนโควิดการบินไทยก็มีสถานะทางการเงินที่ร่อแร่อยู่แล้ว ขาดทุนปีละกว่าหมื่นล้าน ทั้งๆ ที่ตั๋วโดยสารแพงกว่าคนอื่น แถมอัตราผู้โดยสารก็อยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรฐานบริการที่ดี

แต่เมื่อโลกมีวิกฤต เราต้องวิเคราะห์กันต่อว่า หลังโควิดจะเป็นอย่างไร? 
จำนวนผู้โดยสารจะลดลงเท่าไร และบริษัทจะต้องปรับลดค่าใช้จ่ายอย่างไรถึงจะอยู่รอด 
ลำพังเพียงการบริการที่ดีไม่สามารถช่วยบริษัทได้ แต่ต้องมีระบบบริหารที่มีประสิทธิภาพด้วย

ความเป็นจริงทางการเงิน สถานะวันนี้ของการบินไทยจะเรียกว่า ‘เจ๊ง’ ก็ไม่ผิดครับ เพราะทุนติดลบ เงินสดก็ติดลบ (ซึ่งแม้รวมวงเงินกู้ทั้งหมดที่มีก็ยังไม่พอใช้เกินสิ้นเดือนหน้า) ดังนั้นตามปกติ หากใครจะใส่เงินเข้าบริษัทเพิ่มเติม เขาต้องตั้งคำถามกับผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น และเจ้าหนี้เดิมว่า ‘แล้วพวกคุณจะช่วยรับภาระอย่างไร?’

คงไม่มีใครให้เงินเฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของหุ้น เงินกู้ หรือการค้ำประกันเงินกู้ (โดยเฉพาะถ้าเงินนั้นเป็นเงินภาษีประชาชน)

ทาง IATA ประมาณการณ์ว่ารายได้ธุรกิจการบินทั่วโลกจะลดลง 55% ในปี 2020 และจะใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้น และล่าสุดสายการบิน British Airways ประกาศลดพนักงาน 12,000 คนหรือ 30% ของพนักงานทั้งหมด ส่วน SAS มีแผนลดพนักงาน 5,000 คน 

ท่านนายกฯ บอกว่าการอุ้มครั้งนี้ ‘เป็นครั้งสุดท้าย’ ผมมองน่าจะเป็นเพราะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดที่จะคำ้ประกันเงินกู้ 50,000 ล้านอย่างกว้างขวาง

ซึ่งหากท่านนายกฯจะช่วยจริง ท่านควรต้องยืนยันชัดๆ ให้ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น และเจ้าหนี้ ทุกคนมีส่วนช่วยลดภาระของบริษัทลงด้วย

ผมขอยกตัวอย่างกรณีที่ Norway รัฐบาลเขาได้กำหนดสัดส่วนทุนต่อหนี้ขั้นต่ำไว้ที่ 8% เป็นเงื่อนไขก่อนที่รัฐจะยอมค้ำประกันหนี้ใหม่ให้ เจ้าหนี้เดิมจึงต้องยอมแปลงหนี้เป็นทุน และนอกจากนั้นยังมีเงื่อนไขให้ผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มทุนก่อนด้วย

ทั้งหมดนี้เพื่อให้มีการแบ่งรับภาระ ไม่ใช่ได้เงินภาษีไปโดยไม่ต้องร่วมรับผิดชอบ ซึ่งนี่คือหลักการที่ไม่ถูกต้องนัก

ท่านนายกฯ คงทราบดีว่าปัจจุบันการบินไทยมีค่าใช้จ่ายอยู่เดือนละกว่า 1 หมื่นล้าน (โดยไม่มีรายได้) ดังนั้นหากไม่สามารถกลับมาสร้างรายได้โดยเร็ว หากไม่มีการปรับโครงสร้างทุน และหนี้สินของบริษัท วงเงิน 50,000 ล้านนี้ไม่นานก็หมด ซึ่งก็จะกลายเป็นการสูญเสียเพิ่มเติมของรัฐอย่างสูญเปล่า 

ท่านนายกฯได้รับรู้ปัญหาการบินไทยมา 5 ปีแล้ว 
ท่านได้ตั้งคณะกรรมการซูเปอร์บอร์ดขึ้นมาเพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูการบินไทย และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น คณะนี้ยังแทบไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถเลยด้วยซ้ำไป

‘ครั้งสุดท้าย’ นี้จะมีอะไรแตกต่างอย่างไรครับ? 
คนไทยมีสิทธิได้รับคำชี้แจงว่าท่านนายกฯมีแผนอะไรที่จะทำให้การบินไทยดีขึ้นได้จริง

เราทุกคนเฝ้ารอเพื่อเอาใจช่วย “การบินไทย” ในฐานะลูกค้าที่ซื่อสัตย์ 

แต่ในฐานะผู้เสียภาษี หากไม่มีความชัดเจนว่าการบินไทยจะฟื้นฟูอย่างไร รัฐบาลก็ไม่ควรเข้าไปแบกภาระเพิ่มเติม