“กมธ.คมนาคม สภาผู้แทนราษฎร” แจงเหตุ5 ข้อก่อนมีมติเอกฉันท์ ค้านต่อสัมปทานบีทีเอส 30 ปี-ขอ กทม.ชะลอขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้า สายสีเขียว 104 บาท 16 กพ.นี้ ออกไปก่อน

เมื่อวันที่ 21 ม.ค.เวลา 13.13 น. ที่รัฐสภา นายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การคมนาคม แถลงผลการประชุมกมธ. กรณีการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า หลังจากที่กมธ. ฯ ได้เชิญส่วนข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวมาชี้แจง 2 ครั้ง กมธ. ฯได้ข้อสรุป 5 ประเด็น คือ 1. กรอบเวลาในการต่ออายุสัมปทาน ยังเหลือเวลาอีก 9 ปี จึงจะกลายเป็นของรัฐ ดังนั้นกรณีที่ กทม.แนวคิด ต่ออายุสัมปทานออกไปอีกนั้นมองว่าเรื่องนี้ยังมีเวลาเพียงพอที่จะหาความชัดเจนและชี้แจงให้กับสังคมได้รับทราบว่าโครงการนี้ยังเป็นโครงการที่มีกำไร แต่ยังไม่คืนทุน 2. ความโปร่งใสในการต่ออายุสัมปทาน มีการอาศัยอำนาจตามตรา 44 ยกเว้นตามกระบวนการพ.ร.บ. ร่วมทุนฯ ซึ่งกมธ. เห็นว่าแม้จะใช้มาตรา 44 ยกเว้นได้แต่เงื่อนไขเวลายังเหลืออยู่ จึงไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนอะไรจะใช้มาตรา 44 ในการยกเว้นตามพ.ร.บ. ร่วมทุนดังกล่าว

และ 3.ระบบวินัยการเงินการคลัง กระบวนการต่อสัมปทานไม่ได้ยื่นผ่านตามกระบวนการวินัยการเงินการคลังของรัฐ ยิ่งเมื่อเป็นโครงการขนาดใหญ่ ยิ่งควรจะตรวจสอบได้

4.ส่วนประเด็น อัตราค่าโดยสาร ขณะนี้ยังมีความเห็นยังไม่ตรงกัน เพราะข้อมูลที่ได้จากการชี้แจงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลคือไม่สามารถเอาข้อมูลมาแสดงต่อกมธ. ฯได้ว่า เหตุใดจึงไปจบที่ราคา 65 บาท และ 5. ความคุ้มทุนและประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนและรัฐจะได้รับ จากการที่เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ตอบไม่ได้ว่าถ้าเราไม่ต่ออายุสัมปทานเราจะเสียประโยชน์หรือได้ประโยชน์อย่างไร

“กมธ. จึงมิติเป็นเอกฉันท์ 2 มติ คือ 1. ไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุสัมปทานครั้งนี้ และ2. กมธ. ฯ ขอให้กทม.มีการชะลอการขึ้นค่าโดยสาร 104 บาท ที่จะมีผลในวันที่ 16 ก.พ. 64 ออกไปก่อน” นาย โสภณ กล่าว