กพช.ชี้ขาด “ประชาชน-เอกชน”จ่ายค่าไฟงวดใหม่เท่ากัน

  • เคาะยืดอายุการใช้ค่าเอฟที 2 เรต
  • เอกชน-ประชาชน หมดอายุ เม.ย. 2566
  • ลุ้นเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย

วันที่ 29 มกราคม 2566 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยทิศทางการประเมินค่าเอฟทีงวดต่อไปก็คงจะต้องรอดูปัจจัยในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน ราคาแอลจีสปอร์ต ราคาน้ำมันและปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยว่าจะมีเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงเพียงใด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อค่าเอฟที เลยคาดว่าประมาณเดือนมีนาคมน่าจะเริ่มมีการพิจารณา เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนที่จะมีการประกาศใช้งวดที่ 2 เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม 2566

“ตอนนี้ยังฟันไม่ได้ เพราะต้องดูปัจจัยเรื่องราคาแอลจีสปอร์ตถูกลงอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้นสถานการณ์ราคาน้ำมันก็มีแนวโน้มดีขึ้นก็จะเหลือค่าปัจจัยสำคัญเรื่องปริมาณก๊าซในอ่าวไทยว่าจะเพิ่มขึ้นมากตามที่คาดการณ์หรือไม่จากก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตเป็น 400 ในเดือนเมษายนและเป็น 600 ในปลายปี 2566 และปริมาณแก๊สในเมียนมาที่ไทยนำเข้ามาจะยังคงรักษาปริมาณเดิมได้หรือไม่ ถ้าได้ตามปัจจัยทั้งหมดที่ดีขึ้นก็จะทำให้ค่าเอฟทีงวดเดือน 2 ก็จะแนวโน้มลดลง”

อย่างไรก็ตามงวดที่ผ่านมาคณะกรรมการพลังงานแห่งชาติได้มีมติให้ ปตท. ให้ส่งแก๊สมาเพิ่ม โดยไม่ให้เข้าโรงแยกแก๊ส ก็เลยทำให้ราคาแก๊สเพื่อเป็นราคานึง แต่ถ้าหากว่าแก๊สในอ่าวมันสามารถเข้ามาทดแทนที่ ปตท.เติมตรงนั้นให้ได้ก็เท่ากับบาลานซ์กันไปทั้งกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น การช่วยเหลือภาคเอกชนและปัจจัยเอื้อก็เป็นปัจจัยบวก

ในส่วนการช่วยเหลือภาคเอกชนสำหรับค่าเอฟทีในงวด 2 จากที่ได้แบ่งการคำนวณค่าเอฟที 2 ค่าคืออัตราของภาคประชาชนที่ 4.20 บาท และภาคธุรกิจอื่น ๆ ที่เป็นผู้ใช้ไฟในอัตรา 5.33 บาทนั้นเป็นการคำนวณตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เพราะปกติเอฟทีมีค่าเดียวมาโดยตลอด ซึ่งมติ กพช.ในรอบนั้นได้มีมติให้นำแก๊สธรรมชาติจากอ่าวไทยมาให้ประชาชนใช้ก่อน และระบุให้ชัดเจนว่าให้ดำเนินการในช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายนเท่านั้น ดังนั้นถ้าไม่มีมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อต่อเวลาก็คงจะต้องกลับไปใช้ค่าเอฟทีหนึ่งค่าเท่าเดิม โดยจะคำนวณตามสมมติฐานที่วางไว้”

ส่วนประเด็นที่ทางภาคเอกชนแสดงความกังวลเรื่องค่าเอฟทีของไทยสูงกว่าเวียดนามเท่าตัว ส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันและการดึงดูดนักลงทุน ทางคณะกรรมการ กกพ. พิจารณาเรื่องนี้

ทุกครั้งเราก็ดูเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันประกอบด้วยอยู่แล้ว เหมือนเค้าบอกว่าเราคงต้องมาดูว่าพลังงานโครงสร้างราคาพลังงานในแต่ละประเทศไม่เหมือนกันว่าเราอิงเชื้อเพลิงไหนอย่างไร ผมเข้าใจว่าทางเวียดนามเค้าอิงเชื้อเพลิงถ่านหินค่อนข้างมากขนาดนั้นเค้าก็อาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากราคาแก๊สแต่เค้าก็จะเจอปัญหาในเรื่องของ emissions ที่เป็นภาระของเค้าพอสมควร ซึ่งเราก็ต้องดูหลายทิศทางประกอบกัน แต่ก็เข้าใจว่าเวียดนามอาจจะมีการปรับค่าไฟเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

รายงานข่าวระบุว่ามีความเป็นไปได้ว่าอัตราค่า FT งวดที่ 2 จะกลับไปใช้อัตราค่าเงิน FT เท่ากันระหว่างภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งตามสมมติฐาน กกพ.ก่อนหน้านี้ คำนวณว่าราคาไฟจะอยู่ที่ 5.2407 บาท/หน่วย ซึ่งจะทำให้มีการคืนหนี้ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในเวลา 3 ปี