- หลังยกเลิกต่อสัญญาโดยไม่แจ้งเหตุผล
- เข้าข่ายจำกัดการทำธุรกิจของผู้อื่นจนเกิเความเสียหาย
- ถ้าไม่ยกเลิกโดนปรับ6ล้านบาทและอีกวันละ3แสน
นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยถึงผลการพิจารณาตามการร้องเรียนของผู้จำหน่ายรถยนต์ทั้ง 7 ราย กรณีที่บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่ต่อสัญญากับทั้ง 7 รายโดยไม่แจ้งสาเหตุ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติ และทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมว่า ภายหลังจากการพิจารณากรณีดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 5 ก.พ.63 คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้ออกคำสั่งตามมาตรา 60 พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ให้บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระงับ หยุด แก้ไขเปลี่ยนแปลงการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการกระทำใดๆ อันเป็นผลให้เกิดความเสียหายแก่ผู้จำหน่ายรถยนต์ ซึ่งในกรณีนี้ ได้สั่งให้บริษัทหยุดการกระทำที่ถือเป็นการไม่ต่อสัญญากับผู้จำหน่ายทั้ง 7 ราย
ทั้งนี้ เนื่องจาก กขค.เห็นว่า การที่บริษัทไม่ต่อสัญญา ที่กำลังจะสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.นี้ กับทั้ง 7 ราย โดยไม่แจ้งสาเหตุ ทั้งๆ ที่ทั้ง 7 ราย ผ่านเกณฑ์การดำเนินงานของผู้จำหน่ายที่บริษัทกำหนด เช่นเดียวกับผู้จำหน่ายรายอื่น ที่ได้รับการต่อสัญญา จึงมีความไม่เป็นธรรมและเป็นการเลือกปฏิบัติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำไม่เคยมีการปฏิบัติมาก่อนและไม่ใช่การดำเนินการตามธุรกิจปกติของผู้ประกอบธุรกิจผลิตรถยนต์กับผู้จำหน่าย
”การกระทำของบริษัท เป็นการกำหนดเงื่อนไขทางการค้าอันเป็นการจำกัด หรือขัดขวางการประกอบธุรกิจของผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรม มีลักษณะเป็นการกำหนดเงื่อนไขทางการค้าที่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรระหว่างลูกค้าต่างราย และเป็นการปฏิเสธที่จะทำการค้ากับผู้ค้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 57 พ.ร.บ.การแข่งขันทางกาค้า ดังนั้น กขค. จึงมีคำสั่งระงับการไม่ต่อสัญญาผู้จำหน่ายกับทั้ง 7 ราย เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายต่อทั้ง 7 ราย หากบริษัทฝ่าฝืน ต้องชำระค่าปรับทางปกครองในอัตราไม่เกิน 6 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกิน 300,000 บาทต่อวัน ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนอยู่”
