กกร. หนุนไทยเข้าร่วมเจรจา CPTPP ส.ค.นี้ ชี้จะทำให้ไทยได้เห็นข้อดี-ข้อเสีย หากเสียเปรียบพร้อมค้านแน่นอน

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ให้ความสําคัญมากที่สุดครั้งนี้คือ เรื่องความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP โดยเห็นควรสนับสนุนให้ไทยเข้าร่วมเจรจากับกลุ่มประเทศ CPTPP ในเดือน ส.ค. 2563 เพราะการเข้าร่วมเจรจาจะทำให้ไทยได้เห็นข้อดีข้อเสียต่อการเข้าร่วม ซึ่งกระบวนการเข้าร่วมจะมีขั้นตอนเป็นลำดับ เช่น การขอเข้าร่วมเจรจา การเข้าร่วมเจรจากับประเทศภาคี หลังจากเจรจาเสร็จต้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  (ครม.) ขณะเดียวกันต้องมีการทำประชาพิจารณ์ผลการเจรจาด้วย และขั้นตอนสุดท้ายต้องเสนอให้รัฐสภาเห็นชอบ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลา 3-4 ปี

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยเพิ่มเติมถึงการเข้าเจรจาใน CPTPP ว่า หากการเจรจาแล้วไทยเสียเปรียบ ทาง กกร.จะคัดค้านอย่างแน่นอน ทั้งนี้จะต้องมีการจัดสัมมนาผลดีผลเสียของการเข้าร่วม CPTPP ก่อนที่จะไปเจรจาด้วย ส่วนเรื่องพันธุ์พืชที่หลายฝ่ายเป็นห่วงนั้น ยังไม่ได้ไปเจรจา ดังนั้นจึงไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งการเจรจานี้จะทำให้ไทยได้รับทราบถึงข้อตกลงในประเทศภาคี เป็นประโยชน์สำหรับการปรับตัวให้แข่งขันกับประเทศต่างๆ ในเวทีโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาเซียน  

ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า อยากเสนอให้มีประชุมร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ กรอ. เพื่อเป็นเวทีขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างจริงจังอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ถ้าเป็นไปได้อยากจะให้มีการประชุม กรอ.เดือนหน้านี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง