กกร.ชี้6เดือนสุดท้ายของปีนี้ ภาวะเศรษฐกิจประเทศไทย ยังเผชิญความท้าทายจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ

  • ค่าบาทยังตามหลอกหลอน
  • แนะรัฐบาลหามาตรการช่วยด่วน
  • ส.อ.ท.-สภาหอฯตบเท้าพบธปท.8ส.ค.นี้

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ได้่ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทย 6เดือนสุดท้่ายของปีนี้ว่าจะยังต้องเผชิญความท้าทายจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯที่มีความเสี่ยงจะรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท ที่สร้างแรงกดดันต่อทิศทางเศรษฐกิจ ให้มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดย กกร.คาดการณ์เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2จะขยายตัวต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.8%เพราะ เห็นได้จากเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งการส่งออกและการใช้จ่ายในประเทศมีสัญญาณ ที่อ่อนแรงลงต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ก็ยังผลกระทบจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่เตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าในอัตรา 10% ต่อสินค้าจีนวงเงิน 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ และจีนได้ปรับค่าเงินหยวนอ่อนค่าหลุดระดับ 7 หยวนต่อเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 11 ปี ทำให้มีความเสี่ยงรุนแรงมากขึ้น รวมถึงความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทแกว่งตัวผันผวน และอาจแข็งค่าขึ้นอีก จากที่ผ่านมาตั้งต้นปีนี้ พบว่าเงินบาทของไทยแข็งค่าแล้ว 5.9% และแข็งค่าที่สุดเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นในอาเซียน จึงเป็นแรงกดดันที่ไม่เอื้อต่อการฟื้นตัวของการส่งออกไทย ในช่วงที่เหลือของปีนี้

“5เดือนสุดท้ายของปีนี้ ต้องหวังพึ่งพาการใช้จ่ายภายในประเทศ การออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในระยะสั้นจากรัฐบาล เพื่อเรียกความเชื่อมั่นภาคเอกชน รวมถึงบรรเทาผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ขณะนี้กกร.ยังไม่ได้ประเมินภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายสุด ขอเวลาติดตามสถานการณ์ความไม่แน่นอน จากหลายปัจจัยทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดภายใน 3 เดือน เพื่อประเมินทิศทางการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยอีกครั้ง โดยยอมรับว่าหากเหตุการณ์รุนแรงกว่าที่คาดไว้ การส่งออกที่คาดว่าจะติดลบ 1% อาจจะยืนไม่อยู่”
ท้ังนี้ ปัจจุบัน กกร.ยังคงประมาณการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ทั้งปีคาดขยายตัวอยู่ที่ 2.9-3.3% จากปีที่ผ่านมาขยายตัว 4.1% การส่งออกคาดว่าจะติดลบ 1% หรือขยายตัวได้เพียง 1% จากปีก่อนเติบโต 6.9% เงินเฟ้อคาดว่าจะขยายตัว 0.8-1-2%

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่าในวันที่ 8 ส.ค.นี้ ส.อ.ท.มีกำหนดการเข้าพบนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อหารือถึงแนวทางการดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในขณะนี้ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย รวมถึงแนวทางผลักดันการใช้เงินสกุลท้องถิ่นค้าขายกันเองในภูมิภาค เพื่อลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน

สำหรับปัญหาการเมืองในประเทศหลังเกิดเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯ ขณะนี้รัฐบาลสามารถจับผู้กระทำความผิดได้แล้ว จึงส่งผลดีต่อการสร้างภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นในชาวต่างชาติ โดยมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ระยะสั้น
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกของไทย ไปยังประเทศจีนและสหรัฐฯตัวเลขยังคลุมเครือ สภาหอฯ จึงมีกำหนดการเข้าพบกับธปท.ในวันที่ 8 ส.ค.นี้เช่นกัน และในนามคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ(กรอ.) ชุดเล็ก มีกำหนดการเข้าพบนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ วันที่ 14 ส.ค.นี้ เพื่อหาแนวทางกระตุ้นการส่งออกและการค้าชายแดนด้วย