ไบเออร์สด๊อรฟ ทุ่ม67ล้านยูโรขยายกำลังผลิตในไทย รองรับการเติบโตของตลาดในภูมิภาค

สเตฟาน เดอ ล็อคเกอร์ (5 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไบเออร์สด๊อรฟ เยอรมนี พร้อมด้วย ราล์ฟ กุสโก (ขวาสุด) กรรมการบริหาร บริษัทไบเออร์สด๊อรฟ เยอรมนี; ฮาราลด์ เอ็มเบอร์เกอร์ (2 จากขวา) รองประธานอาวุโส ฝ่ายบริหารซัพพลายเชน บริษัทไบเออร์สด๊อรฟ เยอรมนี; มาคุส ดาเบอเกอร์ (4 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จํากัด; และ คอร์เนเลียส เบคเคอร์ (5 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ จำกัด ร่วมฉลองพิธีเปิดโปรเจคไพลินซึ่งเป็นการขยายอาคารการผลิตในประเทศไทย โดยยังได้รับเกียรติจาก ยาน แชร์ (3 จากขวา) อุปทูตและหัวหน้าแผนกเศรษฐกิจสถานทูตเยอรมัน และพจนี ศิลารัตน์ (4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการ สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ในการร่วมฉลองในครั้งนี้


  • อาคารใหม่เพื่อรองรับการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภท ดีโอ โรลออน
  • ไบเออร์สด๊อรฟ ลงทุน 67 ล้านยูโร ในโปรเจคไพลิน ซึ่งรวมถึงการลงทุนในการขยายกำลังการผลิต การคิดค้นสิ่งใหม่ๆ สำหรับเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
  • ความมุ่งมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืน – การก่อสร้างภายใต้มาตรฐานของ LEED

ไบเออร์สด๊อรฟ บริษัทชั้นนำผู้ผลิตแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง นีเวีย ยูเซอริน ลา แพรรี และฮันซาพลาส ประกาศเปิดอาคารส่วนใหม่ของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างเมื่อต้นปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่าน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนภาคใหญ่ของแผนพัฒนาศูนย์การผลิตในประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนมากถึง 67 ล้านยูโร ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิตได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ อาคารใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 9,000 ตารางเมตรที่เต็มไปด้วยเครื่องมือการผลิตที่ทันสมัยเพื่อรองรับการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

โรงงานแห่งนี้ เป็นจุดส่งออกหลักของผลิตภัณฑ์เวชสำอางดูแลผิวในเครือบริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2525 โดยโรงงานในส่วนที่สร้างเพิ่มเติมภายใต้โปรเจค ไพลิน ถูกออกแบบมาให้ดูทันสมัยมากขึ้นละยังเชื่อมต่อกับอาคารการผลิตเดิม โดยคาดว่าจะเปิดเต็มพื้นที่เพื่อใช้สำหรับผลิตเวชสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวภายในปี พ.ศ. 2564 ด้วยกำลังการผลิตที่มากขึ้นจึงส่งผลให้สามารถขยายการส่งออกได้มากขึ้น ทำให้ศูนย์การผลิตแห่งใหม่ในบางพลีนี้กลายเป็นจุดส่งออกที่สำคัญของเครือข่ายไบเออร์สด๊อรฟยิ่งขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สเตฟาน เดอ ล็อคเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไบเออร์สด๊อรฟ เยอรมนี ตอกย้ำว่า “การลงทุนในอาคารผลิตผลิตภัณฑ์ประเภท ดีโอ โรลออน ที่ทันสมัยรวมถึงการขยายคลังสินค้าและการขนส่งของศูนย์การผลิตในประเทศไทย นับได้ว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของไบเออร์สด๊อรฟ ด้วยความต้องการที่มากขึ้นในเอเชียแปซิฟิก ไบเออร์สด๊อรฟยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอเผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นเลิศให้กับลูกค้าทุกท่าน ในขณะเดียวกันเรายังคงมุ่งมั่นที่จะแข่งขันและเติบโตไปอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายโดยรวมของกลยุทธ์ใหม่ของเราอย่าง C.A.R.E.+ ที่หมายถึง การโตเหนือตลาด สร้างคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ เพื่อสามารถมั่นใจได้ว่าจะมีผลกำไรเติบโตอย่างยั่งยืน”

โปรเจค ไพลิน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการเติบโตอย่างยั่งยืน สะท้อนได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ที่ทันสมัย อย่างแผงโซล่าเซลล์บนเพดานของอาคารที่สามารถผลิตกระแสไฟได้มากถึง 500 กิโลวัตต์ นอกจากนี้ยังใช้วัสดุก่อสร้างที่เปล่งแสงต่ำและเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงจึงสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยหน่วยทำความเย็นที่ไม่ก่อให้เกิดสารคาร์โรฟลูออโรคาร์บอน (CFC-free) และการใช้น้ำแบบหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน นอกจากนี้ตัวอาคารยังประกอบไปด้วยส่วนของอาคารสำนักงานที่ทันสมัยที่ใส่ใจในเรื่องของการยศาสตร์การทำงานที่ดีที่สุด และอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ที่ได้รับมาตรฐานจาก CE (CE-standard) ความปลอดภัยและการเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นแก่นการทำงานในทุกๆ วันของศูนย์การผลิตนี้

“ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างจนสำเร็จในปัจจุบัน เราใส่ใจในทุกขั้นตอนของการก่อสร้างเพื่อให้ได้มาซึ่งใบรับรองมาตรฐานระดับโกลด์จาก LEED โดยเราคาดว่าจะได้รับใบรับรองนี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่าเราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทย” มาคุส ดาเบอเกอร์ ผู้อำนวยการโครงการบริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวเสริม

บ้านสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ นีเวีย และยูเซอริน หรือศูนย์การผลิตบางพลีและในส่วนของอาคารสำนักงาน มีพนักงานทำงานอยู่มากกว่า 800 ราย โดยผลิตภัณฑ์หลักๆ ที่ผลิตในศูนย์การผลิตนี้คือ นีเวีย ดีโอ โรลออน, นีเวีย บอดี้, นีเวีย เมน, นีเวีย เฟส, นีเวีย ซัน และนีเวีย ครีม นอกจากนี้ยังผลิต ยูเซอริน เฟส, ยูเซอริน ซัน, ยูเซอริน แอนตี้เอจจิ้ง, ยูเซอริน บอดี้, และยูเซอริน บอดี้วอร์ช โดย 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตทั้งหมดจำหน่ายในประเทศไทย โดยในส่วนที่เหลือได้ทำการส่งออกไปยังมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดหลักๆ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งจากตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการเติบโตแบบมีนัยสำคัญในภูมิภาคนี้