- อินเดียไม่พบสินค้าไทยทำลายอุตสาหกรรมภายใน
- พาณิชย์เผยเป็นโอกาสรักษาส่วนแบ่ง-ขยายตลาดเพิ่ม
- เหตุคู่แข่งทั้งมะกัน-จีนยังถูกเรียกเก็บภาษีอัตราสูง
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า อินเดีย ได้ประกาศยุติการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) กับสินค้าพีวีซี เรซิ่น ของไทยตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.62 หลังจากทบทวนการใช้มาตรการแล้ว พบว่า ไทยไม่มีการขยายกำลังการผลิตและไม่มีกำลังการผลิตส่วนเกิน รวมถึงปริมาณนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทยไปอินเดียคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้ารวม อีกทั้งราคานำเข้าจากไทย ส่วนใหญ่สูงกว่าราคาขายของผู้ผลิตอินเดีย ขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมภายในประเทศอินเดียมีแนวโน้มดีขึ้น ดังนั้น สินค้าดังกล่าวที่นำเข้าจากไทย จึงไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมของผู้ผลิตภายในประเทศอินเดีย
“การยุติการใช้มาตรการเอดีในครั้งนี้ นอกจากจะส่งผลให้ไทยได้เปรียบทางการแข่งขันแล้ว เพราะคู่แข่งของไทยในตลาดอินเดีย อย่างจีน และสหรัฐฯยังคงถูกใช้มาตรการเอดี และยังต้องเสียภาษีเอดีในอัตราสูงแล้ว ยังถือเป็นข่าวดี สำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะรักษาส่วนแบ่งการตลาด และขยายตลาดได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ผู้ส่งออกไทยควรระมัดระวังการกำหนดราคาขายสินค้า เพื่อป้องกันการถูกผู้นำเข้าใช้มาตรการตอบโต้ได้อีกในอนาคต”
ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ อินเดียได้ประกาศเปิดทบทวนความจำเป็นในการต่ออายุมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด สินค้าพีวีซี เรซิ่น ที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน สหรัฐอเมริกา และไทย โดยกรมได้หารือกับผู้ส่งออกไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อชี้แจงข้อคิดเห็น/ข้อโต้แย้งต่อการเปิดทบทวน และขอให้อินเดียพิจารณายุติการไต่สวนสินค้าดังกล่าวจากไทยมาตลอด และในที่สุดอินเดียได้ยุติใช้มาตรการกับไทย แต่ยังใช้มาตรการกับจีน และสหรัฐ โดยสินค้าดังกล่าวจากจีน ยังคงถูกเรียกเก็บอากรเอดีสูงถึง 61.14 – 147.96 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน และสหรัฐฯ 29.99 – 115.54เหรียญฯ