

เศรษฐกิจโลกรอบสัปดาห์
อังกฤษได้นายกรัฐมนตรรีคนใหม่พร้อมการันตีนำอังกฤษออกจาก Brexit ในส้ินเดือน ต.ค.ปีนี้แต่ผลอาจช้าจนทำให้เศรษฐกิจดิ่งเหว
.ครม.ใหม่อังกฤษเตรียมประชุมนัดแรก
นายบอริส จอห์นสัน นายกฯคนใหม่ของอังกฤษได้จัดตั้งครม.ชุดใหม่แล้วเมื่อกลางสัปดาห์โดยรมต.ตำแหน่งสำคัญส่วนใหญ่มาจากบุคคลที่มีแนวคิดหนุนการถอนอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป(Brexit)นายบอริส จอห์นสัน ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษหลังจากที่ได้เดินทางไปยังพระราชวังบักกิ้งแฮมเพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยเขากล่าวว่าจะนำอังกฤษสูงการแยกตัวออกจากยุโรปในวันที่ 31ต.ค.นี้แม้จะไม่มีการทำข้อตกลง ใดๆก็ตาม(ขอบคุณภาพจากประชาชาติ)


.ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐไม่เป็นไปตามคาด
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยออกมาเมื่อกลางสัปดาห์ค่อนข้างผันผวนโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น7%ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายเดือนสู่ระดับ646,000ยูนิตซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านใหม่จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 660,000ยูนิตด้านไอเอชเอสมาร์กิตบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ51.6ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ3เดือนหลังแตะระดับ51.5ในเดือนมิ.ย.โดยนักลงทุนยังคงจับตาดูการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FED)ในวันที่30-31ก.ค.ว่าจะลดดอกเบี้ยลงเท่าใดช่วงเดียวกันยังมีการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐกับจีนที่นครเซี่ยงไฮ้ด้วย


.สหรัฐติดอันดับ5 ประเทศเศรษฐกิจล้ำ
สหรัฐกลับมาติดอันดับประเทศที่มีนวัตกรรมทางเศรษฐกิจล้ำหน้า5 อันดับแรกของโลกอีกครั้งขณะที่จีนขึ้นมาอยู่ที่อันดับ14 จากรายชื่อชุดใหม่ของประเทศต่างๆเกือบ130 ประเทศทั้งนี้องค์กรทรัพย์สินทางปัญญาของสหประชาชาติ(UN) เปิดเผยรายงานดัชนีนวัตกรรมโลกปี62 ว่านวัตกรรมกำลังขยายตัวไปทั่วโลกแม้จะมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจข้อพิพาททางการค้าและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจก็ตาม
โดยสวิตเซอร์แลนด์ยังเป็นอันดับ1 ติดต่อกันมาตั้งแต่ปี54 ตามด้วยสวีเดนสหรัฐเนเธอร์แลนด์และอังกฤษก่อนหน้านี้สหรัฐร่วงจากอันดับที่4 สู่อันดับ6 ในปี61ส่วนอิสราเอลขึ้นสู่อันดับ10 เป็นครั้งแรกส่งผลให้เป็นประเทศแรกจากอัฟริกาเหนือและภูมิภาคเอเชียตะวันตกที่เข้ามารั้งอันดับนี้ไว้ได้และสำหรับเกาหลีใต้ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ11
.”ซอฟต์แบงก์“ทุ่ม4 หมื่นล้าน$
วอลล์สตรีทเจอนัลรายงานว่าซอฟต์แบงก์กรุ๊ปเตรียมประกาศลงทุนมูลค่า 40,000ล้านเหรียญสหรัฐในกองทุนเทคโนโลยีใหม่ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมและบริการอินเทอร์เน็ตของญี่ปุ่นรายนี้ได้รับเงินทุนจากโกลด์แมนแซคส์และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดแล้วและอยู่ในระหว่างเจรจากับไมโครซอฟต์คอร์ปเพื่อลงทุนในกิจการดังกล่าวหลังจากประสบความสำเร็จในการออกกองทุนแรกคือVision Fundในปี2560ซึ่งมีมูลค่า100,000ล้านเหรียญด้วยความร่วมมือกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดิอาระเบียและประเทศอื่นๆและได้นำเงินส่วนนี้ไปลงทุนในหลากหลายธุรกิจอาทิอูเบอร์เทคโนโลยี“กองทุนVision Fundนี้ถือเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดซึ่งมุ่งเน้นไปที่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีหน้าใหม่และได้ระดมทุนเพื่อสร้างกองทุนขนาดยักษ์เป็นครั้งที่สองอย่างรวดเร็วซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมาก“


.หุ้นเทสลาดิ่ง 11%หลังเผยผลขาดทุน
หุ้นเทสลาอิงค์ร่วง11% ในการซื้อขายหลังปิดตลาดกลางสัปดาห์เนื่องจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส2/2562 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้แม้มียอดขายรถยนต์สูงเป็นประวัติการณ์ก็ตามเทสลาเปิดเผยยอดขาดทุน408 ล้านเหรียญหรือ2.31 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส2 ของปีนี้เมื่อเทียบกับยอดขาดทุน718 ล้านเหรียญหรือ4.22 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส2/2561 ในขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้นสู่ระดับ6.3 ล้านเหรียญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่4,000 ล้านเหรียญและเมื่อปรับรายการพิเศษที่เกิดขึ้นแล้วเทสลาขาดทุน1. 12 ดอลลาร์ต่อหุ้นเทียบกับการขาดทุน3.06 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อปีที่แล้วนักวิเคราะห์คาดไว้ว่าเทสลาจะรายงานยอดขาดทุนไตรมาส2/2562 ที่35 เซนต์ต่อหุ้นจากยอดขายที่6,500 ล้านเหรียญ




.ขุนคลังสหรัฐฉะ“อเมซอน“ขยี้ค้าปลีก
นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าอเมซอนธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐมีการทำธุรกิจในลักษณะที่กีดกันไม่ให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าไปแข่งขันในตลาดซึ่งเป็นการบ่อนทำลายอุตสาหกรรมค้าปลีกของสหรัฐโดยอเมซอนสมควรถูกสอบสวนเช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลขนาดใหญ่หรือบิ๊กเทครายอื่นๆ


ด้านโฆษกของอเมซอนตอบโต้ถ้อยแถลงนี้ว่าอเมซอนเป็นเพียงแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ธุรกิจค้าปีกรายเล็กๆเติบโตได้ขณะเดียวกัน การเติบโตของอเมซอนไม่ได้เป็นการทำลายวงการค้าปลีกเพราะอเมซอนคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง4% ของอุตสาหกรรมค้าปลีกสหรัฐและยอดขายส่วนใหญ่ยังคงเป็นยอดขายจากหน้าร้านไม่ใช่ออนไลน์
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่า กำลังสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลขนาดใหญ่ๆเพื่อประเมินว่าบริษัทเหล่านี้ดำเนินธุรกิจในลักษณะที่ต่อต้านการแข่งขันการค้าเสรีหรือไม่นี่เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์กำลังตรวจสอบบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อยู่ว่ามีอำนาจเหนือตลาดลดการแข่งขันและขวางทางนวัตกรรมใหม่ๆรวมถึงเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหรือไม่
.ชี้เศรษฐกิจอังกฤษอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย


สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ(NIESR) เปิดเผยในรายงานล่าสุดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษชะลอตัวลงและมีโอกาสราว1 ใน4 ที่เศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคแล้วNIESR ยังระบุว่าเศรษฐกิจของอังกฤษหดตัวลง0.1% ในไตรมาส2/2562 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปิดโรงงานผลิตรถยนต์และการฟื้นตัวของการกลับมาเพิ่มสต็อกสินค้า
NIESR เตือนว่าภาคบริการหลักๆได้ชะลอตัวลงและผลสำรวจบ่งชี้ว่าภาวะชะงักงันจะยังคงเกิดขึ้นต่อไปซึ่งบ่งชี้ถึงโอกาส1 ใน4 ที่เศรษฐกิจอังกฤษได้อยู่ในภาวะถดถอยทางเทคนิคแล้วส่วนปัญหาBrexit นั้นมีทางเลือกให้อังกฤษไม่มากคือขยายมาตรา50 การออกจากEU แบบมีข้อตกลงและแบบไม่มีข้อตกลงโดย2 ทางเลือกแรกซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นราว60% นั้นมีผลกระทบระยะสั้นที่คล้ายกัน
ในกรณีที่สามารถหลีกเลี่ยงBrexit แบบไม่มีข้อตกลงได้NIESR คาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษจะสูงกว่า1% เล็กน้อยในปี2562 และ63 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษจะยังคงอยู่ที่ระดับ0.75% ไปตลอดทั้งปีนี้ก่อนจะได้รับการปรับขึ้นสู่ระดับ1% ในช่วงครึ่งหลังของปี2563
.”ทรัมป์“ชม“สี“จัดการม็อบยอด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์แห่งสหรัฐกล่าวถึงประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนว่า“ปฏิบัติอย่างเหมาะสมแล้ว” ในการจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วงและผู้เดินขบวนนับล้านคนในเกาะฮ่องกงซึ่งดำเนินมาต่อเนื่องกันถึง7 สัปดาห์ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่าการประท้วงครั้งนี้อาจนำไปสู่ความรุนแรงในท้ายที่สุด
นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า“ผมคิดว่าประธานา ธิบดีสีจิ้นผิงปฏิบัติเหมาะสมอย่างยิ่งเนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมเดินหน้าประท้วงมาอย่างยาวนานผมหวังว่าเขาจะทำสิ่งที่ถูกต้อง” พร้อมกล่าวเสริมว่าจีนสามารถยุติการประท้วงได้ถ้าต้องการจะทำจริงๆ


อนึ่ง.ชาวฮ่องกงกว่าแสนคนได้ออกมาชุมนุมประท้วงอีกครั้งในช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยผู้ประท้วงได้บุกไปยังอาคารสำนักงานติดต่อประสานงานของจีนประจำเขตปกครองพิเศษฮ่องกงส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อสลายการชุมนุม
รายงานระบุว่าผู้ประท้วงได้ขว้างไข่และพ่นสเปรย์ใส่ตัวอาคารสำนักงานติดต่อประสานงานของจีนขณะที่ทางสำนักงานฯได้แสดงความไม่พอใจโดยระบุว่าพฤติการณ์เช่นนี้เป็นการท้าทายอำนาจของรัฐบาลกลางอย่างเปิดเผยขณะที่นางแคร์รีลัมผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงยังคงยืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่งแม้จะมีผู้ประท้วงที่ออกมากดดันกว่า1 ล้านคน
โดยข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆจากการเรียกร้องให้รัฐบาลฮ่องกงยกเลิกกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีนแผ่นดินใหญ่อย่างถาวรไปสู่การสอบสวนการกระทำของตำรวจและการเรียกร้องให้ฮ่องกงมีสิทธิเลือกตั้งอย่างแท้จริง
.ญี่ปุ่นกังวลสงครามการค้าศก.จีนกระทบจีดีพี
รายงานสมุดปกขาวประจำปีของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าญี่ปุ่นกำลังจับตาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ–จีนที่จะมีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นทั้งนี้รายงานเศรษฐกิจและการเงินประจำปีงบประมาณ2562 บ่งชี้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกของญี่ปุ่นแล้ว
จีนซึ่งได้รับผลกระทบจากความต้องการชิ้นส่วนสมาร์ทโฟนที่ลดลงยังคงมีความขัดแย้งด้านการค้ากับสหรัฐและความขัดแย้งระหว่างสองประเทศซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกย่อมส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก “เราจับตาดูความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและสถานการณ์ต่างประเทศเป็นพิเศษรวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลงผลกระทบของประเด็นการค้าสหรัฐ–จีนและการถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป(Brexit)”
.ผู้ก่อตั้ง“หัวเว่ย“ส่ง“หงเหมิง”สู้
นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารหัวเว่ยเผยHong meng (หงเหมิง)ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของบริษัทเหมาะสำหรับอุปกรณ์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีIoTเพราะมีความหน่วงเวลา(Latency)ต่ำโดยในวันที่7สิงหาคมนี้หัวเว่ยจะจัดงานIoT Industry Summitขึ้นที่กรุงเทพฯเพื่อจัดแสดงและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีIoTและแอปพลิเคชันการใช้งานอันล้ำสมัย
“เป้าหมายของระบบปฏิบัติการOS ตัวนี้คือสร้างโลกและทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความเป็นอัจฉริยะและเชื่อมต่อกันได้ให้เป็นจริง” นายเหรินกล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารLe Point ของฝรั่งเศสและเสริมด้วยว่า“ระบบปฏิบัติการ”หงเหมิง” มีความล่าช้าต่ำในระดับคงที่โดยในแต่ละจุดจะมีความหน่วงไม่เกิน5 มิลลิวินาทีหรือต่ำกว่านั้นและอาจต่ำกว่า1 มิลลิวินาทีด้วย“


นายเหริน กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า“ยกตัวอย่างเช่นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติการเปลี่ยนเกียร์ต้องใช้เวลาอย่างน้อย2-3มิลลิวินาทีถ้าความหน่วงเวลาไม่คงที่การเข้าเกียร์อาจผิดพลาดและอาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานร่วมกันได้”ทั้งนี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ยได้ยืนยันว่าแม้จะมีความท้าทายเกิด
ขึ้นในช่วงนี้แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดส่งอุปกรณ์5G “จะไม่มีปัญหาด้านการจัดส่งอุปกรณ์อย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นแล้วอุปกรณ์5G ของเราถือว่าดีที่สุดในโลกและจะยังไม่มีบริษัทใดตามเราทันได้ภายใน2-3 ปีข้างหน้าจึงไม่มีปัญหาด้านการจัดส่งแน่นอนโดยเฉพาะเมื่อฝ่ายผลิตของเรายังทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่”
. “หัวเว่ย”เปิดศูนย์โอเพ่นแล็บในไทย
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความท้าทายล่าสุดที่หัวเว่ยกำลังเผชิญจากสหรัฐนายเหรินตอบว่า“กงล้อแห่งกาลเวลาย่อมเดินไปข้างหน้าเสมอไม่มีใครหยุดมันได้หรอก“
“เราต้องการสร้างความพึงพอใจให้ผู้คนในสังคมเป้าหมายสูงสุดของเราคือการให้บริการผู้บริโภคซึ่งก็คือคนกว่า6,500 ล้านคนและอาจจะมากกว่านั้นในอนาคตเมื่อIoT เชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่งได้มากขึ้นดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการของทุกผู้คน” นายเหรินเจิ้งเฟยกล่าว


IoT เป็นรากฐานของปัญญาประดิษฐ์(AI) บิ๊กดาต้าและเป็นส่วนสำคัญของ5G หัวเว่ยซึ่งเป็นผู้นำด้าน5G ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชัน5G เชิงพาณิชย์แบบครบวงจรที่ตรงตามมาตรฐานของ3GPP อีกทั้งยังได้ก่อตั้งศูนย์โอเพ่นแล็บ(Open Lab) ในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันของนักพัฒนาแอพในประเทศอีกด้วย

