- เสียงแตก7ต่อ3 บ่งชี้ความแตกแยกครั้งสำคัญในกรรมการเฟด
- “พาวเวลล์” แถลงยังไม่เห็นความจำเป็นลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
- ปรับเพิ่มคาดการณ์ขยายตัวปีนี้ขึ้นเป็น 2.2%คงเงินเฟ้อ1.8%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อคืนที่ผ่านมา มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 7-3 เสียง ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลบอีก 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
การประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ หลังจากที่เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในการประชุมรอบที่แล้วในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2551
ขณะที่มติที่ออกมา 7-3 บ่งชี้ถึงความแตกแยกระหว่างกรรมการเฟดครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557
อย่างไรก็ดี เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวภายหลังการประชุมว่า เฟดจะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง หากมีความจำเป็น อย่างไรก็ดี เขายังไม่เห็นว่าขณะนี้มีความจำเป็น
ทั้งนี้ นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน และนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ ขณะที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ สนับสนุนให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%
ถ้อยคำในแถลงการณ์หลังการประชุมครั้งนี้แทบไม่แตกต่างจากการประชุมรอบที่แล้ว โดยคณะกรรมการเฟดยังคงเน้นย้ำถึงพัฒนาการของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และการที่มีแรงกดดันเงินเฟ้อต่ำ เป็นสาเหตุของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้
นอกจากนี้ กรรมการเฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐสู่ระดับ 2.2% ในปีนี้ จากระดับ 2.1% ที่คาดการณ์ในเดือนมิ.ย. และคงตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าที่ระดับ 2.0%
ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวในปี 2564 สู่ระดับ 1.9% จากเดิมที่ 1.8% และคาดการณ์อัตราการขยายตัวในปี 2565 ที่ระดับ 1.8% ส่วนตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 1.9%
ขณะที่ เฟดยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 1.8% ในปีนี้ และคงตัวเลขในปี 2563 และ 2564 ที่ระดับ 1.9% และ 2.0% ตามลำดับ