

- แง้มข้อเสนอแนะฉบับ “คิง เพาเวอร์”
- เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
- ที่ผ่านมาทำโครงการเพื่อสังคมหลากหลายมิติ
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ได้ทำข้อ มูลเป็นเอกสารนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ทำจดหมายมาขอให้ช่วยเหลือประชาชนคนไทยทุกกลุ่มทุกภาคส่วนด้วยวิธีการใดก็ได้ เพื่อ บรรเทาความทุกข์จากมาตร การป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้หลังกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ได้ จัดทำโครงการเพื่อสังคมต่อเนื่องตั้งแต่โครงการเพื่อเยาวชนเช่น แจกลูกฟุตบอล 1 ล้านลูกสร้างฝันแก่เด็กไทย, สร้างสนามฟุตบอลเยาวชนไทยสนามที่ 61 -100 ,ให้ทุนการศึกษาแก่มหาวิทยาลัยมองฟอร์ตจากมูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา

ด้านการสาธารณสุข ได้มอบตู้อบเด็กให้โรงพยาบาล,สนับสนุนมูลนิธิก้าวเพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านสาธารณสุข,ให้กระเป๋ายังชีพเพ่ือบรรเทาทุกข์ และในด้านอาชีพ หนุนโครงการฟ็อกซ์ฮันท์ และ คิง เพาเวอร์คัพ,การประกวดวงดนตรีดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมเป็นเงิน 749 ล้านบาท
ส่วนโครงการเพื่อสังคมที่นำเสนอนายกรัฐมนตรีในงบประมาณปี 63 – 65 รวม 3 ปีเป็นเงิน 719.5 ล้านบาทนั้น คิง เพาเวอร์ ได้เสนอโครงการพัฒนาสังคมด้านชุมชน และเศรษฐกิจชุมชนเพื่อยกระดับศักยภาพของสินค้าไทยใน ช่ือ Thai Power World Market เพ่ือยกระดับศักยภาพสินค้าไทยโดยเพ่ิมช่องทางจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ และประชาสัมพันธ์ให้ชุมชน วิสาหกิจชุมชน พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถสร้างยอดขายได้ในระดับนานาชาติ คิง เพาเวอร์ ในฐานะเจ้าของสโมสรทีมฟุตบอลเลสเตอร์ในพรีเมียร์ลีคของอังกฤษซึ่งมีผู้ชมกว่า 4,000 ล้านคนในยุโรปได้ขอให้นักเตะของเลสเตอร์ช่วยโปรโมทประเทศไทยด้วยการใส่เสื้อ “amezing Thailand” ที่ปักบนหน้าอกชุดแข่งขันในฤดูกาลนี้ พร้อมติดป้ายโฆษณาดิจิทัลในสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยมตลอดฤดูกาล ทั้งยังให้การสนับ สนุนทางการแพทย์ ด้วยการมอบรถพยาบาล และบริจาคชุด PPE ให้แก่บุคคลากรทางการแพทย์ด้วย
“เราเสนอให้พัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งคิดว่ากว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาอาจใช้เวลา 1- 2 ปี เราจึงจำ เป็นต้องตั้งกองทุนเพื่อธุรกิจการท่องเที่ยวขึ้น,ทำประกันภัยโควิด -19 ให้่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทย,พัฒนาระบบ e-visa on arrival การตรวจคนเข้าเมือง และบริหารจัดการ slot การบิน, พัฒนาองค์ความรู้แนวใหม่ให้สอดรับกับ New Normal,พัฒนา Super Application เพื่อการท่องเที่ยวในไทยทั้งแก่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ,แก้ไขความไม่เพียงพอของมัคคุเทศก์ให้นักท่องเที่ยวบางสัญชาติ และจัดคลัสเตอร์กลุ่มจังหวัดเพื่อการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง” นายอัยยวัฒน์ กล่าว







