เกษตรกรยิ้มออก”ธ.ก.ส.” คาดราคาข้าวเดือนก.ย.พุ่ง



  • เหตุภัยแล้งกระทบหนักพื้นเกษตร
  • คนรักข้าวเหนียวต้องทำใจราคายังสูงลิ่ว
  • ส่วนราคายางยังโงหัวไม่ขึ้น!

นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนก.ย.2562 ว่า สินค้าเกษตรที่จะมีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% คาดราคาขายอยู่ที่ 7,975-8,081 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน  2.50%  เนื่องจากแหล่งผลิตข้าวนาปรังที่สำคัญ อาทิ จังหวัดสุพรรณบุรี พิษณุโลก และพิจิตร ยังคงประสบปัญหาภัยแล้งอยู่ ทำให้ผลิตข้าวลดลง  ข้าวเปลือกหอมมะลิ คาดราคาอยู่ที่ 16,000-16,109 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.91 %เนื่องจากภาวะภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลผลิตข้าวหอมมะลิได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ภาวะภัยแล้งในบริเวณแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ จังหวัดอุบลราชธานี และร้อยเอ็ด ได้คลี่คลายลง จึงทำให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว คาดราคาอยู่ที่ 13,009-13,529 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5.98% เนื่องจากภัยแล้งส่งผลให้ผลผลิตข้าวเหนียวมีปริมาณน้อยกว่าทุกปี ประกอบกับเป็นช่วงรอยต่อของฤดูกาลการผลิตทำให้ข้าวเหนียวเก่าเหลือน้อยและข้าวเหนียวใหม่ยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุง และผู้ส่งออกข้าวเร่งซื้อข้าวเก็บไว้ในสต็อก

ขณะที่น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก คาดราคาอยู่ที่ 12.16-12.63 เซนต์ต่อปอนด์ (8.22-8.54 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน7.00%  ส่วนมันสำปะหลัง คาดราคาอยู่ที่ 1.72 – 1.77 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4.11 %เนื่องจากผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดลดลงและผลจากการเกิดโรคระบาดไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง (CMD) และปาล์มน้ำมัน คาดราคาอยู่ที่ ‪2.35 – 2.43‬ บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน  5.19% เนื่องจากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันในเดือนก.ย.จะออกสู่ตลาดลดลง ประกอบกับนโยบายการเร่งดูดซับน้ำมันปาล์มเพื่อลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์ม จะเป็นปัจจัยหนุนให้ทิศทางราคาปาล์มน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น

ด้านสินค้าเกษตรที่จะมีราคาลดลง ได้แก่  ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% คาดราคาอยู่ที่ 7.17-7.28 บาทต่อกก. ลดลงจากเดือนก่อน 2.00% เนื่องจากเป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูกาลใหม่ที่ออกจากไร่อาจจะมีความชื้นสูง จากภาวะฝนที่ยังตกชุกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้คุณภาพผลผลิตลดลง

“ยางพาราแผ่นดิบ คาดราคาอยู่ที่ 36.53 – 37.35 บาทต่อกก. ลดลงจากเดือนก่อน6.09% เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า”

และสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคายางพารามีแนวโน้มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการรัฐในการชดเชยราคายางพาราตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรอาจจะทำให้ราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ “

ส่วนสุกร คาดราคาอยู่ที่ ‪68.50 – 69.20‬ บาทต่อกก. ลดลงจากเดือนก่อน 1.25% เนื่องจากปริมาณสุกรออกสู่ตลาดใกล้เคียงกับความต้องการบริโภค ประกอบกับความกังวลกับข่าวการเกิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ทำให้เกษตรกรบางส่วนเร่งจำหน่ายสุกรออกสู่ตลาด และกุ้งขาวแวนนาไม คาดราคาอยู่ที่ ‪137.50 – 140.50‬ บาทต่อกก. ลดลงจากเดือนก่อน 3.68% เนื่องจากสถานการณ์ค่าเงินบาทของไทยมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงกดดันให้ส่งออกกุ้งได้น้อยลง ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้เกษตรกรเร่งจับกุ้งออกจำหน่ายเพื่อลดความเสี่ยงที่กุ้งจะเสียหาย ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตกุ้งเพิ่มขึ้น